Ref -> Geo-Mobile
*#06# ดู imei
*#0000# ดู version
*#7370# Hard Reset
*#2820# ดูช่องสัญญาณ Bluetooth
Nokia
ดูอีมี่เครื่อง: * # 0 6 #
ดูซอฟแวร์เวอร์ชั่น: * # 0 0 0 0 # or * # 9 9 9 9 #
ดูข้อมูลเดือนปีที่ผลิต และ เวลาในการใช้งานของเครื่อง(บางรุ่น): * # 9 2 7 0 2 6 8 9 #
การแปลรหัสเสียงแบบพิเศษเต็มอัตรา (Enhanced Full Rate): * 3 3 7 0 # [ # 3 3 7 0 # off]
การแปลงรหัสเสียงแบบครึ่งอัตราHalf Rate: * 4 7 2 0 #
Provider lock status: # p w + 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0 + 1
Network lock status: # p w + 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0 + 2
Provider lock status: # p w + 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0 + 3
SimCard lock status: # p w + 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0 + 4
รหัสโทรศัพท์ : 12345 1234567890 – คือเลขรหัสซึ่งขึ้นกับอีมี่ของเครื่อง(สอบถามได้จากผู้จำหน่าย)
Monday, December 3, 2007
Sunday, September 30, 2007
Set i-mobile 603 to modem on Xp
ข้อมูลจาก siamphone.com
Download driver here...
1.ขอเปิด GPRS กับเครือข่ายที่เราใช้งานอยู่
2.เอาเจ้า 603 ต่อกับคอมก็เลือก com port (ที่โทรศัพท์)
3.ลง Drivers พอลงแล้วเป็น 6218 USB modem driver ตรวจสอบที่ คลิ๊กขวาที่ My com => Properties => Hardware => Device manager และดูที่ Tab ของ Port
4. เข้าไป add modem โดยเข้าไปที่ Control panel => Phone and modem options ที่ Tab Modem เลือก Add แล้วมันก็จะขึ้น Install new modem ติ๊กถูกที่หน้า Don't detect my modem ... => Next เลือก standard 33600 bps modem => nextแล้วก็เลือก port com ให้ตรงกับที่ add เข้าไปใหม่ =>เสร็จการ add modem ตรวจสอบที่ => คลิ๊กขวาที่ my com => Properties => hardware => device manager =>และดูที่ Tab ของ Modem
5.จากนั้นก็เข้าไป make new connection ได้เลยuser name และ password ไม่ต้องใส่ครับ เบอร์ก็แล้วแต่ระบบ เช่น AIS ก็ *99***1#
บริการ mobile net ของ AIS
Download driver here...
1.ขอเปิด GPRS กับเครือข่ายที่เราใช้งานอยู่
2.เอาเจ้า 603 ต่อกับคอมก็เลือก com port (ที่โทรศัพท์)
3.ลง Drivers พอลงแล้วเป็น 6218 USB modem driver ตรวจสอบที่ คลิ๊กขวาที่ My com => Properties => Hardware => Device manager และดูที่ Tab ของ Port
4. เข้าไป add modem โดยเข้าไปที่ Control panel => Phone and modem options ที่ Tab Modem เลือก Add แล้วมันก็จะขึ้น Install new modem ติ๊กถูกที่หน้า Don't detect my modem ... => Next เลือก standard 33600 bps modem => nextแล้วก็เลือก port com ให้ตรงกับที่ add เข้าไปใหม่ =>เสร็จการ add modem ตรวจสอบที่ => คลิ๊กขวาที่ my com => Properties => hardware => device manager =>และดูที่ Tab ของ Modem
5.จากนั้นก็เข้าไป make new connection ได้เลยuser name และ password ไม่ต้องใส่ครับ เบอร์ก็แล้วแต่ระบบ เช่น AIS ก็ *99***1#
บริการ mobile net ของ AIS
- AIS นาทีละ บาท
- สมัครใช้ package ดีกว่าเยอะเลย กด *138
- ยกเลิก กด *138
- 1175 กด 9 เรื่อยๆ จนกว่ารอสายพนักงาน
- ตรวจสอบจำนวนนาทีที่เหลือของ package *139
- ถ้าชั่วโมงหมดมันจะคิดนาทีละบาท เราต้องยกเลิกและ สมัครใหม่
- เค้าว่า Driver ตัวเนี๊ยใช้ได้กับ i-mobile หลายรุ่นอยู่นะ
- ทดลองแล้วกับ XP มันขึ้นความเร็วตั้ง 115 kbs เหมือนจะเร็วนะมั่วชิบเลย
Tuesday, July 17, 2007
ได้กลับบ้านซะที
- พึ่งกลับมาวันที่ 9 กรกฎาคม กลับมาก็เปิดคอมทันที คอมก็ดันเจ๊งซะงั้น สงสัยไม่ได้เปิดใช้งานนานเกินไป ^^' ต้องเปิดเครื่องปัดฝุ่นสล๊อตของแรมซะหน่อย มันก็ใช้ได้ประมาณ 30 นาที มันก็ดันเจ๊งเหมือนเดิม - -' มันขึ้น blue screen ประมาณว่า แรมมันทำงานไม่ค่อยเข้ากันอาไรประมาณนั้นอ่ะ dump มีคำนี้ด้วยอ่ะอยู่ในข้อความ สุดท้ายต้องไปหาเครื่องดูดฝุ่นมา จัดการกับฝุ่นในเครื่องซะเลย ทีนี้ล่ะครับ เล่นได้ทั้งวัน ไม่รู้มันจะดีแบบนี้อยู่ได้กี่วันนะ ^^
- พอเล่นได้ปกติ ก็ Pro evolution soccer 6 เลยซิครับ เล่นไปได้ซักพัก หมดเวลาครื่งแรก แล้วมันก็ดำสนิทไปซะงั้นระบบไม่ได้เจ๊งนะแต่รู้สึกว่าเกมจะเจ๊งเพราะ กด alt + enter มันก็ทำเป็นจอเล็กให้ แต่มันก็ยังมืดสนิทอยู่เหมือนเดิม เป็นเกือบทุกครั้งเลย พอปิดการทำงานของ google desktop ของจาก start up computer มันก็เล่นได้ปกติ ซะงั้น จะแต่ง desktop ให้สวยซักหน่อยก็ไม่ได้ ทำไมเกมต้องมีปัญหากับโปรแกรมแต่ง desktop ด้วยน้าไม่ค่อยเข้าใจเลย หรือเป็นเพราะเครื่องเรามันฮวยเองหว่า ^^''
- พอเล่นได้ปกติ ก็ Pro evolution soccer 6 เลยซิครับ เล่นไปได้ซักพัก หมดเวลาครื่งแรก แล้วมันก็ดำสนิทไปซะงั้นระบบไม่ได้เจ๊งนะแต่รู้สึกว่าเกมจะเจ๊งเพราะ กด alt + enter มันก็ทำเป็นจอเล็กให้ แต่มันก็ยังมืดสนิทอยู่เหมือนเดิม เป็นเกือบทุกครั้งเลย พอปิดการทำงานของ google desktop ของจาก start up computer มันก็เล่นได้ปกติ ซะงั้น จะแต่ง desktop ให้สวยซักหน่อยก็ไม่ได้ ทำไมเกมต้องมีปัญหากับโปรแกรมแต่ง desktop ด้วยน้าไม่ค่อยเข้าใจเลย หรือเป็นเพราะเครื่องเรามันฮวยเองหว่า ^^''
Thursday, April 26, 2007
Modify Harddisk x 2 ได้จริงๆ แฮะ
"เค้ย....เคยลองทำมาตั้งนานแหละเลยมาเล่าสู๋กันฟัง
ตอนแรกก็ไม่เชื่อหรอก แต่ลองมั่วดู มันได้ซะงั้น ^^"
รู้กันหรือไม่ว่าฮาร์ดดิสที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ความจริง พื้นที่ที่กำหนดมานั้นเป็นแค่เพียงครึ่งหนึ่งของพื้นที่จริงเท่านั้น
ก็เคย modify มันอ่ะนะ มันได้จริงๆ แฮ๊ะ ^^' แต่มันไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าใหร่เลย คือมันเสี่ยงมากสำหรับการเก็บข้อมูลที่สำคัญ แต่มันจะเหมาะสำหรับคลิปต่างๆ ^^'' ที่เราไปดาวน์โหลดมา การโมฮาร์ดดิสทำได้ไม่ยากครับ
- เราต้องมีโปรแกรม Norton Ghost (หรือ ไม่แน่ใจว่าโปรแกรมทำโกสอันอื่นมันใช้ได้หรือป่าว เพราะเคยลองแค่ Norton) ไม่ว่าจะเป็นแบบบูตได้เลย หรือ โปรแกรมที่ต้องติดตั้งก่อน ถ้าเป็นโปรแกรมที่ต้องติดตั้งก่อนก็ ติดตั้งมันซะ
- จากนั้นก็เริ่มทำการเลือกพาร์ทิชั่นที่ต้องการโกส ใกล้แล้วครับ ก็ next หรือ ทำตามสเต็ปไปเรื่อยๆ เลยครับ
- แล้วเราก็ทำการเลือก destination drive มันให้เลือกที่เก็บไฟล์โกสอ่ะนะ
- เมื่อทำทุกอย่างเสร็จมันจะทำการรีสตาร์ทตัวเอง ให้เราทำการปิดเครื่อง หรือ ปิดสวิตท์ไฟ เมื่อมันรันเป็นหน้าจอดำๆ ไอ้หน้าจอที่มันตรวจสอบอุปกร์ของคอมพิวเตอร์อ่ะนะ ไอ้หน้าที่เรากด เข้า safe mode อ่ะช่วงนั้นเลยทำการปิดเครื่องซะ
- จากนั้นให้เราทำการลงวินโดวส์ใหม่โดยการนำแผ่นวินโดวส์ติดตั้งใหม่ พอเราเข้าไปในช่วงเลือกพาร์ทิชั่นสำหรับลงวินโดวส์ มันก็จะเห็น unallocated partition อยู่ 2 อัน อันหนึ่งมันจะเยอะพอสมควร อีกอันประมาณ ไม่กี่เม็กไอ้ไดรว์ไม่กี่เม็กมันเป็นไดรว์ที่ norton ghost มันสร้างมา
- ถ้าไดรว์ source เป็นพื้นที่ทั้งหมดเราก็จะได้พื้นเพิ่มอีกเท่าหนึ่งของพื้นที่ฮาร์ดดิส
- หรือ ทำตามอีบุ๊คในอินเทอร์เน็ต (ไอ้หน้าปกมันจะเขียนว่า ไม่แน่จริงอย่าเสี่ยง Modify Harddisk เป็น 2 เท่า มันจะมีสีแดงๆ อ่ะ)เค้ามีอีบุ๊คเรื่องนี้ด้วยอ่ะ แต่ในนั้นเค้าให้ใช้ฮาร์ดดิสสองตัว
- เราไม่สามารถใช้โปรแกรมพวก Partition Magic หรือ โปรแกรมประมาณเนี๋ย ในการจัดการพื้นที่ที่เราได้เพิ่มมาใหม่ เพราะเคยพยายามจัดการแล้วอ่ะ - - แต่ มันขึ้นเป็นพื้นที่สีแดงเลยอ่ะ แต่เราสามารถจัดการได้โดยโปรแกรมที่มากับวินโดวส์ ซึ่งอยู่ใน Manage(คลิกขวามที่ My Computer) -> Disk Management
- เราจะไม่สามารถแบ่งซอยมันให้เป็นหลายไดรว์ได้นะจ้ะ
- เมื่อเราทำการลบมันไปแล้ว มันก็จะหายไปเลยอ่ะท่าน
สรุป
- ไม่ควรเก็บข้อมูลที่สำคัญสำหรับงานของเรา - เหมาะสำหรับเก็บเพลงหรือ ไฟล์บันเทิงทั่วไป
- ไม่สามารถซอยไดรว์ที่ได้มาใหม่ได้อีก - ถ้าลบมัน มันก็จะหายไปเยย ถ้าอยากได้ต้องทำใหม่นะท่าน
- ไม่เป็นอันตรายต่อข้อมูลที่มีอยู่แล้ว
- เพื่อความไม่เสี่ยงแต่ควรทำการแบ๊คอัพไว้ก่อนทำการ ^^'
- ห้ามใช้โปรแกรมจัดการพาร์ทิชั่นเด็ดขาดขอบอก ^^
ตอนแรกก็ไม่เชื่อหรอก แต่ลองมั่วดู มันได้ซะงั้น ^^"
รู้กันหรือไม่ว่าฮาร์ดดิสที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ความจริง พื้นที่ที่กำหนดมานั้นเป็นแค่เพียงครึ่งหนึ่งของพื้นที่จริงเท่านั้น
ก็เคย modify มันอ่ะนะ มันได้จริงๆ แฮ๊ะ ^^' แต่มันไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าใหร่เลย คือมันเสี่ยงมากสำหรับการเก็บข้อมูลที่สำคัญ แต่มันจะเหมาะสำหรับคลิปต่างๆ ^^'' ที่เราไปดาวน์โหลดมา การโมฮาร์ดดิสทำได้ไม่ยากครับ
- เราต้องมีโปรแกรม Norton Ghost (หรือ ไม่แน่ใจว่าโปรแกรมทำโกสอันอื่นมันใช้ได้หรือป่าว เพราะเคยลองแค่ Norton) ไม่ว่าจะเป็นแบบบูตได้เลย หรือ โปรแกรมที่ต้องติดตั้งก่อน ถ้าเป็นโปรแกรมที่ต้องติดตั้งก่อนก็ ติดตั้งมันซะ
- จากนั้นก็เริ่มทำการเลือกพาร์ทิชั่นที่ต้องการโกส ใกล้แล้วครับ ก็ next หรือ ทำตามสเต็ปไปเรื่อยๆ เลยครับ
- แล้วเราก็ทำการเลือก destination drive มันให้เลือกที่เก็บไฟล์โกสอ่ะนะ
- เมื่อทำทุกอย่างเสร็จมันจะทำการรีสตาร์ทตัวเอง ให้เราทำการปิดเครื่อง หรือ ปิดสวิตท์ไฟ เมื่อมันรันเป็นหน้าจอดำๆ ไอ้หน้าจอที่มันตรวจสอบอุปกร์ของคอมพิวเตอร์อ่ะนะ ไอ้หน้าที่เรากด เข้า safe mode อ่ะช่วงนั้นเลยทำการปิดเครื่องซะ
- จากนั้นให้เราทำการลงวินโดวส์ใหม่โดยการนำแผ่นวินโดวส์ติดตั้งใหม่ พอเราเข้าไปในช่วงเลือกพาร์ทิชั่นสำหรับลงวินโดวส์ มันก็จะเห็น unallocated partition อยู่ 2 อัน อันหนึ่งมันจะเยอะพอสมควร อีกอันประมาณ ไม่กี่เม็กไอ้ไดรว์ไม่กี่เม็กมันเป็นไดรว์ที่ norton ghost มันสร้างมา
- ถ้าไดรว์ source เป็นพื้นที่ทั้งหมดเราก็จะได้พื้นเพิ่มอีกเท่าหนึ่งของพื้นที่ฮาร์ดดิส
- หรือ ทำตามอีบุ๊คในอินเทอร์เน็ต (ไอ้หน้าปกมันจะเขียนว่า ไม่แน่จริงอย่าเสี่ยง Modify Harddisk เป็น 2 เท่า มันจะมีสีแดงๆ อ่ะ)เค้ามีอีบุ๊คเรื่องนี้ด้วยอ่ะ แต่ในนั้นเค้าให้ใช้ฮาร์ดดิสสองตัว
- เราไม่สามารถใช้โปรแกรมพวก Partition Magic หรือ โปรแกรมประมาณเนี๋ย ในการจัดการพื้นที่ที่เราได้เพิ่มมาใหม่ เพราะเคยพยายามจัดการแล้วอ่ะ - - แต่ มันขึ้นเป็นพื้นที่สีแดงเลยอ่ะ แต่เราสามารถจัดการได้โดยโปรแกรมที่มากับวินโดวส์ ซึ่งอยู่ใน Manage(คลิกขวามที่ My Computer) -> Disk Management
- เราจะไม่สามารถแบ่งซอยมันให้เป็นหลายไดรว์ได้นะจ้ะ
- เมื่อเราทำการลบมันไปแล้ว มันก็จะหายไปเลยอ่ะท่าน
สรุป
- ไม่ควรเก็บข้อมูลที่สำคัญสำหรับงานของเรา - เหมาะสำหรับเก็บเพลงหรือ ไฟล์บันเทิงทั่วไป
- ไม่สามารถซอยไดรว์ที่ได้มาใหม่ได้อีก - ถ้าลบมัน มันก็จะหายไปเยย ถ้าอยากได้ต้องทำใหม่นะท่าน
- ไม่เป็นอันตรายต่อข้อมูลที่มีอยู่แล้ว
- เพื่อความไม่เสี่ยงแต่ควรทำการแบ๊คอัพไว้ก่อนทำการ ^^'
- ห้ามใช้โปรแกรมจัดการพาร์ทิชั่นเด็ดขาดขอบอก ^^
Monday, April 23, 2007
การเปลี่ยนสายกีต้าร์
^^ วันก่อนพึ่งเปลี่ยนสายกีต้าร์ใหม่ เสียงเพาะและใสกว่าเดิมเยอะ (แจ่มเลย อันเดิมเป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้าเสียงมัีนแป่งๆ ยังไงก็ไม่รู้) เลยก็ กิ๊ฟสัน อ่ะนะ (ค่อนข้างถูกลงเยอะเลย) ค่อยมีระดับหน่อยเรา ^^' การเปลี่ยนสายกีต้าร์ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนกันยังไงก็ได้นะมันมีทิปอยู่
- ถ้าเราต้องการเปลี่ยนเพียงแค่บางสายก็เปลี่ยนไปเหอะ แต่
- เมื่อเราจำเป็นต้องเปลี่ยนสายใหม่ทั้งชุดให้เปลียนทีละสายนะ ห้ามเปลี่ยนแบบ ถอดอันเดิมออกหมดแล้วใส่เข้าไปทีละสายแบบนี้ไม่ดีแน่ ควรจะถอดเปลี่ยนทีละสายเช่นเริ่มเปลี่ยนจากสาย 1 ไปก็เริ่มถอดสาย 1 แล้วก็ใส่สาย 1 แล้วก็ถอดสาย 2... เปลี่ยนสาย 2... ไปเรื่อยๆ จนครบ เราทำแบบนี้เพื่อรักษาสภาพของความโค้งงอของคอกีต้าร์อ่ะ ยิ่งเป็นกีต้าร์โฟล์คยิ่งอันตรายมากเลยเพราะว่าสายของกีต้าร์โฟล์คเป็นสายโลหะการตึงค่อนข้างตึงมากกว่าสายของกีต้าร์คลาสสิคที่เป็นแบบสายเอ็นหรือ ไนลอน
ถ้าเราเปลี่ยนโดยการถอดสายออกหมดแล้วค่อยใส่ไปใหม่ มันจะทำให้กีต้าร์ที่คอตึงๆ อยู่หายตึงอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เสียงของการดีดอาจเพี้ยนได้
- สิ่งที่ต้องจำอีกอย่างคือ ไม่ควรใช้สายโลหะกะกีต้าร์คลาสสิคเด็ดขาดควรใส่ให้ถูกประเภทนะท่าน
Saturday, April 21, 2007
OLPC
โครงการ OLPC (One Laptop Per Child) หรือชื่อเดิมคือโครงการ $100 laptop เป็นโครงการในการจัดการคอมพิวเตอร์แลปทอปราคาประหยัด โดยทางองค์กรในสหรัฐอเมริกาและความร่วมมือกับ เอ็มไอทีแล็บ โดยคอมพิวเตอร์นี้จะใช้ระบบปฏิบัติการลินุกซ์ และ โปรแกรมก็เป็นแบบ Open source
- วันนี้ดูรายการ อาไรก็ไม่รู้จำไม่ได้แหละ อืม ฉายอยู่ทางช่อง 5 อืมจำได้แหละ รายการ Metropolis มหานครแห่งความคิดของคนไอที ช่วงหนึ่งเค้าแนะนำ OLPC เห็นเข้ามาในประเทศไทยแหละแต่งงนิดหน่อยคือ เค้าไม่ขาย 100 เหรียญ แหละ เค้าขายที่ 150 เหรียญ สงสัยจะมีต้นทุนฮาร์ดแวร์เพิ่มเลยต้องเก็บตังค์เพิ่ม เห็นมีแผนจะจำหน่ายให้บุคคลทั่วไปด้วย ในราคา 200 เหรียญ ถ้าขายได้ก็จะลดราคาลงให้ - -' ซะงั้น
- ถ้าเทียบเป็นเงินไทยสำหรับคนทั่วไปก็ประมาณ 200 x 40 ก็ประมาณ 8,000 บาท ดูแล้วมันไม่ค่อยคุ้มเลยนะ ไม่รู้ในเมืองไทยเราโครงการนี้มันจะเหมือนไฟไหม้ฟาง ป่าวน้า ^^' บูมซักพักแล้วก็เงียบ แล้วก็ละลายหายไปจากเมืองไทยเรา ^^ ถ้าำรัฐบาลสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับนักเรียนนะ อาจจะรอดก็เป็นได้ไม่รู้รัฐบาลเค้าจะสนใจป่าวเนี๋ยท่าน
อ้างอิงจาก thaiwiki
Thursday, April 19, 2007
Bookmarks online by google product
ปกติเมื่อเราเจอเว็บที่ถูกใจหรือเว็บที่คิดว่าเป็นประโยชน์ เราก็จะเพิ่มใส่ favorite หรือ bookmarks ที่เครื่องเราไว้ประมาณเนี๋ยแหละที่ชอบทำแต่ เมื่อเราไปทำงานหรือ ไปใช้เครื่องที่อื่นแล้ว อยากจะเข้าเว็บที่เราเคยเพิ่มเข้า bookmarks เราไว้ก็เข้าไม่ได้เพราะมันไม่ใช่เครื่องเรา - -'
แต่มีวิธีที่เราใช้บ่อยๆ
- ใช้โปรแกรม mozilla firefox ในการชมเว็บและเพิ่มลง bookmarks ของ firefox แล้วก็ export bookmarks ออกมาจะได้ไฟล์ที่มีนามสกุล .html แล้วเราก็จะได้ bookmarks ส่วนตัวของเรา ปกติ ie มัน export favorite(bookmarks) ไม่ได้นะ เวอร์ชั่น 6 อ่ะ แต่ไม่รู้ ie 7 มันจะ export ได้หรือป่าวก็ไม่รู้แต่ที่รู้แน่ๆ firefox ทำได้ตั้งแต่ เวอร์ชั่นแรกๆที่เริ่มใช้แหละ
- แต่วิธีแรกนั้นเมื่อเรามีการอัพเดทเว็บใหม่ที่เราเพิ่มเข้าไปก็ต้องมา export กันใหม่ทุกครั้งซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่โอเท่าใหร่เลยท่าน ซึ่งมันมีอาไรที่โอกว่าสิ่งที่ว่านั้นก็คือ บริการของกูเกิ้ล อ่ะเค้ามีบริการ bookmarks online ด้วยอ่ะเพียงเรามี บัญชีเมล์ของกูเกิ้ลก็ใช้ได้แล้ว เราสามารถใช้ bookmarks online ได้โดยทูลบาร์ของ กูเกิ้ล อ่ะมันจะเป็นสัญลักษณ์ รูปดาว สีน้ำเงิน และ มันก็จะเขียนว่า bookmarks ด้วยง่ะ ดูใช่มั้ยล่ะ ถ้าเราใช้ bookmarks online ของกูเกิ้ลเค้าไม่ว่าจะเป็น ie หรือ firefox ก็มีทูลบาร์ของ กูเกิ้ลให้ใช้กันอ่ะ ส่วน firefox ก็จะมี add-on ตัวหนึ่งที่ให้เราใช้ bookmarks ของกูเกิ้ลได้นั่นก็คือ Gmarks
- วิธีใช้ก็คลิกทคำว่า Bookmarks ถ้าเราไม่เคยใช้บริการของเค้ามาก่อนเค้าก็จะให้เราใส่ อีเมล์ของกูเกิ้ลครับเมื่อเราใส่แล้วก็ใช้ได้เลยครับไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มการลบเราสามารถใช้ bookmarks นี้ได้ทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต แต่ต้องติดตั้ง ทูลบาร์ของกูเกิ้ลด้วยนะ ^^'
- ใน firefox มี addon ตั้งเยอะเกี่ยวกับอันเนี๋ยที่ใช้อยู่ก็ Gmark
แต่มีวิธีที่เราใช้บ่อยๆ
- ใช้โปรแกรม mozilla firefox ในการชมเว็บและเพิ่มลง bookmarks ของ firefox แล้วก็ export bookmarks ออกมาจะได้ไฟล์ที่มีนามสกุล .html แล้วเราก็จะได้ bookmarks ส่วนตัวของเรา ปกติ ie มัน export favorite(bookmarks) ไม่ได้นะ เวอร์ชั่น 6 อ่ะ แต่ไม่รู้ ie 7 มันจะ export ได้หรือป่าวก็ไม่รู้แต่ที่รู้แน่ๆ firefox ทำได้ตั้งแต่ เวอร์ชั่นแรกๆที่เริ่มใช้แหละ
- แต่วิธีแรกนั้นเมื่อเรามีการอัพเดทเว็บใหม่ที่เราเพิ่มเข้าไปก็ต้องมา export กันใหม่ทุกครั้งซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่โอเท่าใหร่เลยท่าน ซึ่งมันมีอาไรที่โอกว่าสิ่งที่ว่านั้นก็คือ บริการของกูเกิ้ล อ่ะเค้ามีบริการ bookmarks online ด้วยอ่ะเพียงเรามี บัญชีเมล์ของกูเกิ้ลก็ใช้ได้แล้ว เราสามารถใช้ bookmarks online ได้โดยทูลบาร์ของ กูเกิ้ล อ่ะมันจะเป็นสัญลักษณ์ รูปดาว สีน้ำเงิน และ มันก็จะเขียนว่า bookmarks ด้วยง่ะ ดูใช่มั้ยล่ะ ถ้าเราใช้ bookmarks online ของกูเกิ้ลเค้าไม่ว่าจะเป็น ie หรือ firefox ก็มีทูลบาร์ของ กูเกิ้ลให้ใช้กันอ่ะ ส่วน firefox ก็จะมี add-on ตัวหนึ่งที่ให้เราใช้ bookmarks ของกูเกิ้ลได้นั่นก็คือ Gmarks
- วิธีใช้ก็คลิกทคำว่า Bookmarks ถ้าเราไม่เคยใช้บริการของเค้ามาก่อนเค้าก็จะให้เราใส่ อีเมล์ของกูเกิ้ลครับเมื่อเราใส่แล้วก็ใช้ได้เลยครับไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มการลบเราสามารถใช้ bookmarks นี้ได้ทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต แต่ต้องติดตั้ง ทูลบาร์ของกูเกิ้ลด้วยนะ ^^'
- ใน firefox มี addon ตั้งเยอะเกี่ยวกับอันเนี๋ยที่ใช้อยู่ก็ Gmark
Tuesday, April 17, 2007
ไฟล์วีดีโอ (avi) มันกลับหัวซะงั้น
เคยเห็นแต่เพื่อนเป็นตอนนั้นเพื่อนถามก็ไม่ได้ให้คำตอบเค้าเพราะว่าเราก็ยังไม่เคยเป็นก็เลยไม่รู้วิธีแก้ และแล้วก็เจอเข้ากับตัวเองจนได้ ก่อนเขียนไฟล์หนังลงแผ่นมันก็ดูเป็นปกติดีอยู่นะ แต่พอเราเขียนลงแผ่นซีดีแบบ Data แล้วก็นำมาเปิดดูทีหลังเปิดกะ windowmedia player ลองกลับโปรแกรมอื่นก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น jetaudio , realmedia ก็ไม่หาย มันกลับแสดงภาพกลับหัวซะงั้น ลองหาวิธีแก้อยู่ตั้งนานเค้าบอกให้ใช้โปรแกรมนั้นโปรแกรมนี้มั่งในการทำให้ภาพกลับมาเป็นแบบปกติ เราก็จะพยายามโหลดมานะแต่เน็ตมันไม่ไหวเลย แบบนี้ก็แย่นะสิ
- เราก็ลองหาโปรแกรมประมาณที่เค้าแนะนำในเครื่องเรา(ขี้เกียจรอกว่าจะโหลดเสร็จ) พอดีได้ jetaudio เนี๋ยอ่ะมัฟังก์ชั่นการแปลงไฟล์ด้วยอ่ะ แล้วก็ลองแปลงไฟล์เป็นนามสกุลอื่น(ตอนแรกมันเป็น avi) พอแปลงไฟล์เป็นนามสกุลอื่นมันก็ดันดูได้เป็นปกติทั้งที่ไม่ได้ทำไรเลยนะแค่เปลี่ยนนามสกุลมัน แต่พอแปลงเป็น avi ไปเป็น avi มันก็ได้เหมือนกัน งงเลย
- แต่มะรู้เป็นไรเหลือบไปเห็นโปรแกรม VLC เราก็ขึ้นมาแล้วลากไฟล์นั้น(ไอ้ที่เป็นไฟล์ต้นฉบับก่อนแปลงอ่ะนะ) เข้าไปเล่นดูมันกลับดันทะลึ่งดูได้เป็นปกติเลยอ่ะ ไมโปรแกรมมันแสดงได้ซะงั้น ไม่เข้าใจ แล้วก็เอาไฟล์ที่แปลงแหละมาเล่นดูมันก็เล่นได้กลับทุกโปรแกรมแหละ แต่ไฟล์ต้นฉบับมันดันเล่นได้เป็นปกติกับโปรแกรม VLC ซะงั้น
สรุปการแก้ไข
1. ทำการเปลี่ยนนามสกุลของไฟล์ด้วยโปรแกรม convert media ทั่วไป ไปเป็นพวกนามสกุล mpeg หรือ เป็นนามสกุลเดิม avi
2. ใช้พวกโปรแกรมเช่น Media Studio ประมาณนั้นในการกลับภาพคืน
3. หรือ เปิดโดยโปรแกรม VLC ไม่ต้องทำอาไรกับไฟล์นั้นเลยง่ายดี ^^'
- เราก็ลองหาโปรแกรมประมาณที่เค้าแนะนำในเครื่องเรา(ขี้เกียจรอกว่าจะโหลดเสร็จ) พอดีได้ jetaudio เนี๋ยอ่ะมัฟังก์ชั่นการแปลงไฟล์ด้วยอ่ะ แล้วก็ลองแปลงไฟล์เป็นนามสกุลอื่น(ตอนแรกมันเป็น avi) พอแปลงไฟล์เป็นนามสกุลอื่นมันก็ดันดูได้เป็นปกติทั้งที่ไม่ได้ทำไรเลยนะแค่เปลี่ยนนามสกุลมัน แต่พอแปลงเป็น avi ไปเป็น avi มันก็ได้เหมือนกัน งงเลย
- แต่มะรู้เป็นไรเหลือบไปเห็นโปรแกรม VLC เราก็ขึ้นมาแล้วลากไฟล์นั้น(ไอ้ที่เป็นไฟล์ต้นฉบับก่อนแปลงอ่ะนะ) เข้าไปเล่นดูมันกลับดันทะลึ่งดูได้เป็นปกติเลยอ่ะ ไมโปรแกรมมันแสดงได้ซะงั้น ไม่เข้าใจ แล้วก็เอาไฟล์ที่แปลงแหละมาเล่นดูมันก็เล่นได้กลับทุกโปรแกรมแหละ แต่ไฟล์ต้นฉบับมันดันเล่นได้เป็นปกติกับโปรแกรม VLC ซะงั้น
สรุปการแก้ไข
1. ทำการเปลี่ยนนามสกุลของไฟล์ด้วยโปรแกรม convert media ทั่วไป ไปเป็นพวกนามสกุล mpeg หรือ เป็นนามสกุลเดิม avi
2. ใช้พวกโปรแกรมเช่น Media Studio ประมาณนั้นในการกลับภาพคืน
3. หรือ เปิดโดยโปรแกรม VLC ไม่ต้องทำอาไรกับไฟล์นั้นเลยง่ายดี ^^'
Thursday, April 12, 2007
ทอบอหนึ่งกอทอ ซะงั้น ^^'
และแล้วพี่กูเกิ้ลเค้าทำเมนู blogger.com สำหรับคนไทยแหละดูมันแปลกๆ ไปยังไงก็ไม่รู้สงสัยคุ้นกับเมนูภาษาอังกฤษมานาน พอเปลี่ยนเป็นไทยก็...แต่ไม่ได้เกี่ยวอาไรหรอกครับ
เมื่อวานไปรับการเกณฑ์ทหารมาคนเยอะเลย ไปตั้งแต่ หนึ่งโมงเช้าเลยนะ ไปนั่งรอตั้งนานกว่าจะถูกเรียก
เห็นเพื่อนเก่าตั้งเ่ยอะ เลยอ่ะ และแล้วก็ ทบ. 1 กท. ซะงั้น ไม่รู้เมื่อวานคิดยังไงสมัครไปซะงั้น - -' พอสมัครไปแล้วกลับมาบ้าน คิดไปคิดมาตูไม่น่าเลย T_T สงสัยจาเมาซะงั้น ^^'
กำหนดการ
- รายงานตัว 26 เมษายน 2550
- เข้าประจำการ โน่นเลย กรุงเทพ 3 พฤษภาคม 2550
หลังจากวันที่ 3 คงไม่ได้เขียนบล็อคอีกนานเลย - -'
เมื่อวานไปรับการเกณฑ์ทหารมาคนเยอะเลย ไปตั้งแต่ หนึ่งโมงเช้าเลยนะ ไปนั่งรอตั้งนานกว่าจะถูกเรียก
เห็นเพื่อนเก่าตั้งเ่ยอะ เลยอ่ะ และแล้วก็ ทบ. 1 กท. ซะงั้น ไม่รู้เมื่อวานคิดยังไงสมัครไปซะงั้น - -' พอสมัครไปแล้วกลับมาบ้าน คิดไปคิดมาตูไม่น่าเลย T_T สงสัยจาเมาซะงั้น ^^'
กำหนดการ
- รายงานตัว 26 เมษายน 2550
- เข้าประจำการ โน่นเลย กรุงเทพ 3 พฤษภาคม 2550
หลังจากวันที่ 3 คงไม่ได้เขียนบล็อคอีกนานเลย - -'
Sunday, April 1, 2007
Tuesday, March 27, 2007
Java API 5.0 th
เป็นโครงการที่ดีมากครับ สำหรับโปรแกรมเมอร์จาวาในประเทศเรา
ไปดูกันเลยครับ click here...
ไปดูกันเลยครับ click here...
Thursday, March 1, 2007
Java about Memory and CPU load
To day along day i coding project by java ide is netbean i coding about get value performance of each pc or router also hmm cpu load , free memory and i testing about interrupt thread by create parent thead and create child thread in parent thread and i type interrupt parent thread belive that when i interrupt parent thread and i think child thread will stop follow parent thread but that not to i think child thread not stop and use memory of my pc to 0 M until program exception is out of memory - -'
and i coding about loop but i forget code break that loop when i run program test it cpu preak 100 % - -'
result testing
- mush cpu load peak code loop infinity
- mush memory low code create serveral thread
Are u ok?
and i coding about loop but i forget code break that loop when i run program test it cpu preak 100 % - -'
result testing
- mush cpu load peak code loop infinity
- mush memory low code create serveral thread
Are u ok?
Wednesday, February 28, 2007
Java programming network
- ทำไมเขียนโปรแกรมเกี่ยวกับเครือข่ายบนระบบวินโดวส์ มีปัญหาเยอะจังข้อมูลส่งกันไปก็ไปไม่ถึง หรือ โปรแกรมมันไม่รับข้อความหว่า
- ทีเขียนบนลินุกซ์ ไม่มีปัญหาเลยอ่ะ ไม่เข้าใจต่อไปจะเขียนโปรแกรมแต่บนลินุกซ์แล้วนะเนี๋ย เซงวินโดวส์อ่ะ - -'
- ทีเขียนบนลินุกซ์ ไม่มีปัญหาเลยอ่ะ ไม่เข้าใจต่อไปจะเขียนโปรแกรมแต่บนลินุกซ์แล้วนะเนี๋ย เซงวินโดวส์อ่ะ - -'
Thursday, February 22, 2007
Access Linux Partitions/Files under Windows
Ext2IFS
What features are supported?
โปรแกรมอื่นที่คล้ายกัน
เพิ่มเติม
- เมื่อติดตั้งโปรแกรม เราสามารไปเซตค่าได้ใน คอนโทลพาเนล
- ปกติเมื่อเราติดตั้งระบบสองระบบในเครื่องเราเช่น ติดตั้งทั้งวินโดวส์ และ ลินุกซ์ ในลินุกซ์เราสามารถเห็นไดรว์ fat ของวอนโดวส์ได้แต่ในวินโดวส์ไม่สามารถเห็นไดรว์ของลินุกซ์ได้ ทางออกด้วยโปรแกรมนี้เลยครับ แต่มันค่อยข้างไม่ปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้
- Ext2IFS_1_11.exe เป็นโปรแกรมเปิด Driver แบบ ext2,3 บนวินโดวส์
- Ext2 เป็นโปรเจคจบของคุณ Stephan Schreiber
What features are supported?
- Complete reading and writing access to files and directories of volumes with the Ext2 or Ext3 file system.
- Supports features which are specific to the I/O-system of Windows: Byte Range Locks, Directory Notfication (so the Explorer updates the view of a directory on changes within that directory), Oplocks (so SMB clients are able to cache the content of files).
- Allows Windows to run with paging files on Ext2 volumes.
- Stephan Schreiber
- แต่ไมเดี๋ยวนี้ Ext2IFS มันขึ้นแบบนี้ไม่รู้เป็นเพราะไร
- http://www.fs-driver.org/troubleshoot.html
- ใช้ mountdiag G: (G คือ driver linux ที่เราเลือก letter เป็น G)
- mountdiag จะช่วยบอกปัญหาของการ mount พาร์ทิชั่นของลินุกซ์
- เหมือนจะมีปัญหากับ Ext3 อ่ะ
- ก็เลยต้องหันไปใช้ linux reader
โปรแกรมอื่นที่คล้ายกัน
เพิ่มเติม
- สาเหตุน่าจะเกียวกับ kernel ของ linux ด้วยหรือป่าวหว่า ไม่แน่ใจ
MIB Example
เท่าที่ทดสอบดูมันใช้ได้ทั้ง linux แล้วก็ window แม้กระทั่ง router อ่ะนะครับ
เท่าที่ลองสังเกตผลที่แสดงออกมาจาก .1.3
- แสดงโพรเซสที่กำลังทำงานอยู่ เหมือนกับว่าเราใช้ คำสั่ง tasklist หรือ ps aux บนลินุกซ์เลยอ่ะ
- แสดงการใช้งาน cpu ของแต่ละโพรเซส
- แสดงการใช้ mem ของแต่ละโพรเซส
- แสดงอุปกรณ์ที่ต่อ แสดง storage ทั้งที่เป็น drive ธรรมดา แล้วก็ remove drive ด้วย
- แสดงการใช้ พื้นที่ของแต่ละ drive แต่ดูผลมะค่อยรู้เรื่องว่ามันให้ค่าอาไรมาอ่ะเพราะว่าไม่บอกหน่วยมาด้วยอ่ะ
- แสดงขนาดของ memory เครื่องเป้าหมาย
example command
# snmpwalk -c public -v 1 [host] .1.3
# snmpwalk -c public -v 1 [host] hrSWRunName
# snmpwalk -c public -v 1 [host] hrSWRunPerfCPU
# snmpwalk -c public -v 1 [host] hrSWRunPerfMem
# snmpwalk -c public -v 1 [host] hrMemorySize
hrSWRunName โปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่
hrSWRunPerfCPU cpu ที่แต่ละโปรแกรมใช้
hrSWRunPerfMem mem ที่แต่ละโปรแกรมใช้ขณะนั้น
hrMemorySize ขนาดของ memory ทั้งหมดของเครื่องเป้าหมาย
ifDescr อืนเทอเฟสของเครื่องนั้น
ifInOctets แพ็คเกจที่วิ่งเข้าอินเทอเฟส
ifOutOctets แพ็คเกจที่วิ่งออกจากอินเทอเฟส ไม่แน่ใจว่าหน่วยเป็น Bytes หรือป่าว
exam result of command
HOST-RESOURCES-MIB::hrSWRunName.1 = STRING: "System Idle Process"
HOST-RESOURCES-MIB::hrSWRunPerfCPU.1 = INTEGER: 726801
HOST-RESOURCES-MIB::hrSWRunPerfMem.1 = INTEGER: 16 KBytes
HOST-RESOURCES-MIB::hrMemorySize.0 = INTEGER: 523760 KBytes
เท่าที่ลองสังเกตผลที่แสดงออกมาจาก .1.3
- แสดงโพรเซสที่กำลังทำงานอยู่ เหมือนกับว่าเราใช้ คำสั่ง tasklist หรือ ps aux บนลินุกซ์เลยอ่ะ
- แสดงการใช้งาน cpu ของแต่ละโพรเซส
- แสดงการใช้ mem ของแต่ละโพรเซส
- แสดงอุปกรณ์ที่ต่อ แสดง storage ทั้งที่เป็น drive ธรรมดา แล้วก็ remove drive ด้วย
- แสดงการใช้ พื้นที่ของแต่ละ drive แต่ดูผลมะค่อยรู้เรื่องว่ามันให้ค่าอาไรมาอ่ะเพราะว่าไม่บอกหน่วยมาด้วยอ่ะ
- แสดงขนาดของ memory เครื่องเป้าหมาย
example command
# snmpwalk -c public -v 1 [host] .1.3
# snmpwalk -c public -v 1 [host] hrSWRunName
# snmpwalk -c public -v 1 [host] hrSWRunPerfCPU
# snmpwalk -c public -v 1 [host] hrSWRunPerfMem
# snmpwalk -c public -v 1 [host] hrMemorySize
hrSWRunName โปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่
hrSWRunPerfCPU cpu ที่แต่ละโปรแกรมใช้
hrSWRunPerfMem mem ที่แต่ละโปรแกรมใช้ขณะนั้น
hrMemorySize ขนาดของ memory ทั้งหมดของเครื่องเป้าหมาย
ifDescr อืนเทอเฟสของเครื่องนั้น
ifInOctets แพ็คเกจที่วิ่งเข้าอินเทอเฟส
ifOutOctets แพ็คเกจที่วิ่งออกจากอินเทอเฟส ไม่แน่ใจว่าหน่วยเป็น Bytes หรือป่าว
exam result of command
HOST-RESOURCES-MIB::hrSWRunName.1 = STRING: "System Idle Process"
HOST-RESOURCES-MIB::hrSWRunPerfCPU.1 = INTEGER: 726801
HOST-RESOURCES-MIB::hrSWRunPerfMem.1 = INTEGER: 16 KBytes
HOST-RESOURCES-MIB::hrMemorySize.0 = INTEGER: 523760 KBytes
Tuesday, February 20, 2007
Insert Date Time format to MySQL
- การแทรกข้อมูลที่เป็นสติงเราคงเคยทำกันมาเยอะแหละ แต่มันไม่ใช่ว่าจะมีแค่ชนิด varchar อย่างเดียวอ่ะดิมันยังมี
- date -> year-month-day
- time -> hh:mm:ss
- boolean -> tinyint (0 หรือ 1)
ตัวอย่าง
insert into demo.user values('001', 'jui', 21, '1985-04-18', '0', '1:00:01');
insert into demo.user values('003', 'jui', 21, '1985-4-1', '0', '1:2:1');
หรือ values((select ...), '')
2 ตัวอย่างด้านบนสามารถเพิ่มข้อมูลได้ไม่มีปัญหา
ชนิดที่ได้ทำการเพิ่มคือ
db ชื่อ demo
เทเบิ้ล ชื่อ user
varchar, varchar, int, date, tinyint, time
- ถ้าเราทำการใส่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเช่น เดือน เมษายน มี 30 วัน เราดันใส่แบบนี้
insert into demo.user values('003', 'jui', 21, '1985-4-31', '0', '1:2:1');
- การเพิ่มเกิดข้อผิดพลาดแน่นอน
- แต่ เราสามารถ SELECT ในรูปแบบนี้ได้โดยไม่ผิด syntax
SELECT birthday FROM user WHERE birtday > '1985-4-32'
- date -> year-month-day
- time -> hh:mm:ss
- boolean -> tinyint (0 หรือ 1)
ตัวอย่าง
insert into demo.user values('001', 'jui', 21, '1985-04-18', '0', '1:00:01');
insert into demo.user values('003', 'jui', 21, '1985-4-1', '0', '1:2:1');
หรือ values((select ...), '')
2 ตัวอย่างด้านบนสามารถเพิ่มข้อมูลได้ไม่มีปัญหา
ชนิดที่ได้ทำการเพิ่มคือ
db ชื่อ demo
เทเบิ้ล ชื่อ user
varchar, varchar, int, date, tinyint, time
- ถ้าเราทำการใส่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเช่น เดือน เมษายน มี 30 วัน เราดันใส่แบบนี้
insert into demo.user values('003', 'jui', 21, '1985-4-31', '0', '1:2:1');
- การเพิ่มเกิดข้อผิดพลาดแน่นอน
- แต่ เราสามารถ SELECT ในรูปแบบนี้ได้โดยไม่ผิด syntax
SELECT birthday FROM user WHERE birtday > '1985-4-32'
Sunday, February 18, 2007
Java เกี่ยวกับ Sorting of JTable
TableSorter.java
- การ Sort ใน JTable นั้นถ้าเราต้องการเพิ่มลบเราต้องทำผ่าน TableModel
- ถ้าต้องการค่าในปัจจุบันของ row นั้นต้องทำผ่าน sorter object
MyDefaultTableModel dtmManageUser = new MyDefaultTableModel(dUser, hUser);
TableSorter sorterManageUser = new TableSorter(dtmManageUser);
JTable tblManageUser = new JTable(sorterManageUser);
sorterManageUser.setTableHeader(tblManageUser.getTableHeader());
dtmManageUser.addRow(vtRow);
sorterManageUser.getValueAt(row, column);
- การ Sort ใน JTable นั้นถ้าเราต้องการเพิ่มลบเราต้องทำผ่าน TableModel
- ถ้าต้องการค่าในปัจจุบันของ row นั้นต้องทำผ่าน sorter object
MyDefaultTableModel dtmManageUser = new MyDefaultTableModel(dUser, hUser);
TableSorter sorterManageUser = new TableSorter(dtmManageUser);
JTable tblManageUser = new JTable(sorterManageUser);
sorterManageUser.setTableHeader(tblManageUser.getTableHeader());
dtmManageUser.addRow(vtRow);
sorterManageUser.getValueAt(row, column);
Saturday, February 17, 2007
Java Lesson: Using Swing Components
เป็นการสอนการใช้งาน component ใน package swing อ่ะน่ะ เยี่ยมครับ
คลิกที่นี่...
คลิกที่นี่...
Friday, February 16, 2007
Java Deprecate method stop of thread
อืมตอนเขียนโปแกรมเกี่ยวกะเธรด พอเราเขียน objectThread.stop(); มันดันมีเส้นใต้สีเหลืองซะงั้นใน netbeans อ่ะ ก็เลยสงกะสัยอ่ะ ลองหาข้อมูลใน doc ของ จาวา เค้าก็บอกว่า มัน unsafe มันไม่ปลอดภัยซะงั้นแล้วเราจะทำไงดีใช้ก็ได้อยู่อ่ะ stop(); แต่มันตะหงิดๆ ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกับเราเขียนโปรแกรมห่วยมาก ถ้าเรายังจะดึงดันใช้ stop(); อยู่อีก
- เพราะว่าถ้าเราเรียก thread.stop(); ขณะที่โปแกรมเรากำลังทำงานอยู่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของโปรแกรมเราด้วย
- วิธีแก้มันก็มีหลายวิธีที่เราจะหลีกเลี่ยงจากการใช้ Stop(); อันหนึ่งของวิธีหยุด thread ก็คือการ interrupt();
- thread จะจบหรือ หมดหน้าที่ของ thread นั้นก็ต่อเมื่อ การทำงานในเมธอด run(); จบลง
- วิธีใช้ interrupt(); ในการหยุด thread ทำได้โดยการ try {} catch (InterruptedExcetpion ex) {} คลอบลูป while(true) ไว้ แล้วเราก็ทำการเรียก thread.interrupt(); จากที่ใหนก็ได้มันก็จะหลุดออกจากลูป while(true) แล้วก็จะเป็นการจบเมธอดรัน ก็คือจบการทำงานของ thread โดยสวัสดิภาพ ^^
public void run() {
try {
while (true) {
String now = MyAccessories.getNow();
System.out.println(now);
Thread.sleep(milliseconds);
}
} catch (Exception e) {
//e.printStackTrace();
System.out.println("Thread stoped...");
}
}
- เพราะว่าถ้าเราเรียก thread.stop(); ขณะที่โปแกรมเรากำลังทำงานอยู่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของโปรแกรมเราด้วย
- วิธีแก้มันก็มีหลายวิธีที่เราจะหลีกเลี่ยงจากการใช้ Stop(); อันหนึ่งของวิธีหยุด thread ก็คือการ interrupt();
- thread จะจบหรือ หมดหน้าที่ของ thread นั้นก็ต่อเมื่อ การทำงานในเมธอด run(); จบลง
- วิธีใช้ interrupt(); ในการหยุด thread ทำได้โดยการ try {} catch (InterruptedExcetpion ex) {} คลอบลูป while(true) ไว้ แล้วเราก็ทำการเรียก thread.interrupt(); จากที่ใหนก็ได้มันก็จะหลุดออกจากลูป while(true) แล้วก็จะเป็นการจบเมธอดรัน ก็คือจบการทำงานของ thread โดยสวัสดิภาพ ^^
public void run() {
try {
while (true) {
String now = MyAccessories.getNow();
System.out.println(now);
Thread.sleep(milliseconds);
}
} catch (Exception e) {
//e.printStackTrace();
System.out.println("Thread stoped...");
}
}
Wednesday, February 14, 2007
Beep Media Player on linux
- จะว่าไปแล้วโปรแกรมฟังเพลงในระบบลินุกซ์นั้นตัวที่เป็นที่นิยม(อันที่ชอบใช้อ่ะนะก็ต้อง xmms)
- ตอนลงทะเล 8 ป่าตองมันกับไม่ลง xmms ให้ ทำไงดีล่ะทีนี้เครื่องเราก็ไม่ได้ต่อเน็ตด้วยจะแอบเก็ตก็ไม่ได้อีก แย่เลยเรา
- มองไปในเมนู sound and media กับเห็นโปรแกรมแปลกๆ สำหรับตัวเองนะ มันชื่อ Beep Media Player ไม่รู้มันเป็นโปรแกรมอาไรก็ลองเปิดดู มันหน้าตาคล้าย xmms เลยอ่ะ พอดู about มันก็บอกว่า โปรแกรมนี้ เบสออน xmms ซะงั้น แต่มันไม่ค่อยมีปัญหากะภาษาไทยเลยอ่ะ(ก็แน่ล่ะมันทำงานบนทะเลอ่ะนะ ใช้ภาษาไทยไม่ได้ก็กะไรอยู่)
- ทีนี้ลองมา แอบเก็ตใน ubuntu ดูมันก็ไม่มีปัญหาเรื่องภาษาไทยเลยครับ (ของเค้าดีจริงๆ) ไม่เหมือน xmms ที่ต้องปรับแต่งตั้งนานกว่าจะให้มันอ่านภาษาไทยได้เนี๋ย
$ sudo apt-get install beep-media-player
อืมมันก็เป็นโปรแกรมฟัง เอ็มพี3 ที่น่าสนใจอีกตัวนะครับ (อีกแล้วก็ ogg ด้วย)
- ตอนลงทะเล 8 ป่าตองมันกับไม่ลง xmms ให้ ทำไงดีล่ะทีนี้เครื่องเราก็ไม่ได้ต่อเน็ตด้วยจะแอบเก็ตก็ไม่ได้อีก แย่เลยเรา
- มองไปในเมนู sound and media กับเห็นโปรแกรมแปลกๆ สำหรับตัวเองนะ มันชื่อ Beep Media Player ไม่รู้มันเป็นโปรแกรมอาไรก็ลองเปิดดู มันหน้าตาคล้าย xmms เลยอ่ะ พอดู about มันก็บอกว่า โปรแกรมนี้ เบสออน xmms ซะงั้น แต่มันไม่ค่อยมีปัญหากะภาษาไทยเลยอ่ะ(ก็แน่ล่ะมันทำงานบนทะเลอ่ะนะ ใช้ภาษาไทยไม่ได้ก็กะไรอยู่)
- ทีนี้ลองมา แอบเก็ตใน ubuntu ดูมันก็ไม่มีปัญหาเรื่องภาษาไทยเลยครับ (ของเค้าดีจริงๆ) ไม่เหมือน xmms ที่ต้องปรับแต่งตั้งนานกว่าจะให้มันอ่านภาษาไทยได้เนี๋ย
$ sudo apt-get install beep-media-player
อืมมันก็เป็นโปรแกรมฟัง เอ็มพี3 ที่น่าสนใจอีกตัวนะครับ (อีกแล้วก็ ogg ด้วย)
Sunday, February 11, 2007
Linux Permission access file
เมื่อเราใช้ คำสั่ง ls -l
# ls -l
total 4141
drwxr-xr-x 2 Jui None 0 Feb 7 18:11 AbiSuite
dr-xr-xr-x 27 Jui None 0 Oct 5 04:42 Application Data
drwxr-xr-x 3 Jui None 0 Jan 9 09:39 Contacts
มันแสดงอาไรของมันหว่า ไฟล์แต่ละไฟล์ ฟอล์เดอ แต่ละอันก็จะมีสิทธิ์ในการเข้าถึงของมัน
- ตัว d มันคือไรหว่า ^^ รู้แหละมันคือ ประเภทไฟล์นั่นเอง (d = directory, l = link, - = file)
- วรรคแรกคือ สิทธิ์ในการเข้าถึง
- เจ้าของไฟล์
- กลุ่ม
- วันที่สร้างไฟล์
- ชื่อไฟล์
r = 4
w = 2
x = 1
u = user
g = group
o = other
# chmod [ugo+rwx] [file]
(ถ้าเราเพียงแค่ +rwx ก็หมายถึง ใครก็ได้สามารถทำได้ทุกอย่างกะไฟล์อันเนี๊ย)
หมายถึง ตั้งให้ file สามารถ อ่าน เขียน และ ทำงานได้ กับทุก user เจ้าของไฟล์ user ที่อยู่กลุ่มเดี่ยวกัน เจ้าของไฟล์ และ user กลุ่มอื่นๆ เราสามารถใช้ - ในการลดสิทธิ์ได้ เช่น # chmod [o-r] [file] เป็นการลดสิทธิ์ในการอ่านไฟล์ของ user กลุ่มอื่นๆ
หรือ
# chmod [705] [file]
เราสามารถใช้ตัวเลขในการกำหนดสิทธิ์ได้
user เจ้าของไฟล์ 7 = 4 + 2 + 1 อ่าน เขียน รัน ได้หมด
user ในกลุ่มเดียวกัน 0 = 0 + 0 + 0 ทำอาไรไม่ได้เลย
user กลุ่มอื่น 5 = 4 + 0 + 1 อ่าน และ รัน ได้
# ls -l
total 4141
drwxr-xr-x 2 Jui None 0 Feb 7 18:11 AbiSuite
dr-xr-xr-x 27 Jui None 0 Oct 5 04:42 Application Data
drwxr-xr-x 3 Jui None 0 Jan 9 09:39 Contacts
มันแสดงอาไรของมันหว่า ไฟล์แต่ละไฟล์ ฟอล์เดอ แต่ละอันก็จะมีสิทธิ์ในการเข้าถึงของมัน
- ตัว d มันคือไรหว่า ^^ รู้แหละมันคือ ประเภทไฟล์นั่นเอง (d = directory, l = link, - = file)
- วรรคแรกคือ สิทธิ์ในการเข้าถึง
- เจ้าของไฟล์
- กลุ่ม
- วันที่สร้างไฟล์
- ชื่อไฟล์
r = 4
w = 2
x = 1
u = user
g = group
o = other
# chmod [ugo+rwx] [file]
(ถ้าเราเพียงแค่ +rwx ก็หมายถึง ใครก็ได้สามารถทำได้ทุกอย่างกะไฟล์อันเนี๊ย)
หมายถึง ตั้งให้ file สามารถ อ่าน เขียน และ ทำงานได้ กับทุก user เจ้าของไฟล์ user ที่อยู่กลุ่มเดี่ยวกัน เจ้าของไฟล์ และ user กลุ่มอื่นๆ เราสามารถใช้ - ในการลดสิทธิ์ได้ เช่น # chmod [o-r] [file] เป็นการลดสิทธิ์ในการอ่านไฟล์ของ user กลุ่มอื่นๆ
หรือ
# chmod [705] [file]
เราสามารถใช้ตัวเลขในการกำหนดสิทธิ์ได้
user เจ้าของไฟล์ 7 = 4 + 2 + 1 อ่าน เขียน รัน ได้หมด
user ในกลุ่มเดียวกัน 0 = 0 + 0 + 0 ทำอาไรไม่ได้เลย
user กลุ่มอื่น 5 = 4 + 0 + 1 อ่าน และ รัน ได้
Saturday, February 10, 2007
Java Split String
การแบ่งสติงมีเมธอด split();
- ถ้าเราต้องการแบ่งคำด้วย จุด ให้เรา
"127.0.0.1".split("\\.");
127
0
0
1
- ถ้าเราต้องการแบ่งด้วยตัวอักษร
"127.0.0.1".split("0");
127.
.
.
1
Related Links:
- ถ้าเราต้องการแบ่งคำด้วย จุด ให้เรา
"127.0.0.1".split("\\.");
127
0
0
1
- ถ้าเราต้องการแบ่งด้วยตัวอักษร
"127.0.0.1".split("0");
127.
.
.
1
Related Links:
Friday, February 9, 2007
Java Connect to server socket
//โปรแกรมสำหรับตรวจสอบการเปิดพอร์ตจากเว็บอื่น
import java.io.*;
import java.net.*;
public class NetService {
public static void main(String[] args) throws Exception {
Socket s = new Socket("202.44.204.200", 80);
PrintStream ps = new PrintStream(s.getOutputStream());
//String msg = "GET /netservices/checkportall.php?host=www.msu.ac.th HTTP/1.1";
String msg = "GET /netservices/checkportall.php?host=www.yahoo.com";
// ลองตัด GET หรือ HTTP/1.1 รอดูผลการรัน
System.out.println("Connect 202.44.204.200 port 80...");
System.out.println("Send : " + msg);
ps.println(msg);
BufferedReader br = new BufferedReader(new InputStreamReader(s.getInputStream()));
System.out.println("Wait...");
while(true) {
String line = br.readLine();
if (line == null) break;
System.out.println(line);
}
System.out.println("End program...");
}
/** Creates a new instance of NetService */
public NetService() {
}
}
Monday, February 5, 2007
Crond สำคัญไฉน
อืมอันนี้ก็ไม่รู้ครับ
crond เป็นโปรแกรมที่คอยเรียกโปรแกรมอื่นทำงานตามช่วงเวลาที่กำหนดอีกทีหนึ่งอ่ะครับ
- มันเอาไว้ตั้งเวลาให้โปรแกรม หรือ สคริปทำงานอ่ะครับ
- ถ้าเปรียบกะในระบบวินโดวส์ก็ Scheduled Tasks อ่ะนะ จำไว้
crond เป็นโปรแกรมที่คอยเรียกโปรแกรมอื่นทำงานตามช่วงเวลาที่กำหนดอีกทีหนึ่งอ่ะครับ
- มันเอาไว้ตั้งเวลาให้โปรแกรม หรือ สคริปทำงานอ่ะครับ
- ถ้าเปรียบกะในระบบวินโดวส์ก็ Scheduled Tasks อ่ะนะ จำไว้
ด้วยรักและแบ่งปัน ตอนจบ
ตอนก่อนเราไปดูงานที่นรกวันนี้ไปดูงานที่สวรรค์กัน ^^
ครั้งดูงานในนรกภูมิจนทั่วแล้ว เขาจึงขอใช้สิทธิ์ ไปดูงานบนสวรรค์บ้าง ที่เมืองสวรรค์อันแสนสุข ชายหนุ่มได้พบแต่สิ่งที่น่ารื่นรมย์รวมทั้งเขายังได้พบบางสิ่งบางอย่างที่เขาเคยเห็นมาในนรกด้วย เจ้าสิ่งที่ว่านี้ก็คือ เทวดาทุกองค์บนสวรรค์ล้วนมีช้อนยาวๆ หลายเมตรผูกติดมือทั้งสองเช่นเดียวกัน แต่เทวดาเหล่านั้นหาทุกข์ไม่ เพราะเทพยดาทั้งปวงสามารถตักอาหารเข้าปากได้อย่างเอร็ดอร่อย เมื่อได้กินอิ่มนอนอุ่น จังไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเกินเป็นเทวดาบนสวรรค์จะมีความสุขเพียงไร
คำตอบก็อยู่ตรงที่ว่า เมื่อถึงเวลาอาหาร เทวดาทั้งปวงจะแบ่งกันออกเป็นสองฟาก นั่งหันหน้าเข้าหากัน จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็ใช้ช้อนอันแสนยาวของตัวเองตักอาหารที่อยู่ตรงหน้า แต่เมื่อตักแล้วไม่ได้เสียเวลาพยายามนำอาหารนั้นเข้าปากของตนเองอย่างยากเย็นเหมือนสัตวน์นรกหรอกนะ ทว่าพวกเขาตักอาหารได้แล้วก็ช่วยป้อนให้กับเพื่อนเทวดาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวเองต่างหาก โดยวิธีนี้บรรยากาศการทานอาหารร่วมกันในแต่ละวันของเทวดาบนสวรรค์จึงนับว่าเป็นช่วงเวลาอันแสนสุขอย่างยิ่ง ตักอาหารไป ยิ้มให้กันไปสบตากันไปอย่างมีไมตรีจิต แต่ละมื้อจึงอิ่มทั้งการและอิ่มทั้งใจเพราะต่างฝ่ายต่างก็ได้ "ให้" แก่กันและกันอย่างเอื้ออารีจนเป็นวิถีชีวิตประจำวันอันรื่นรมย์
"อย่าถามว่าชีวิตนี้ใครจะให้อะไรแก่เธอ"
"แต่จงถามว่าชีวิตนี้เธอจะให้อะไรแก่ใครบ้าง"
จบครับ
ครั้งดูงานในนรกภูมิจนทั่วแล้ว เขาจึงขอใช้สิทธิ์ ไปดูงานบนสวรรค์บ้าง ที่เมืองสวรรค์อันแสนสุข ชายหนุ่มได้พบแต่สิ่งที่น่ารื่นรมย์รวมทั้งเขายังได้พบบางสิ่งบางอย่างที่เขาเคยเห็นมาในนรกด้วย เจ้าสิ่งที่ว่านี้ก็คือ เทวดาทุกองค์บนสวรรค์ล้วนมีช้อนยาวๆ หลายเมตรผูกติดมือทั้งสองเช่นเดียวกัน แต่เทวดาเหล่านั้นหาทุกข์ไม่ เพราะเทพยดาทั้งปวงสามารถตักอาหารเข้าปากได้อย่างเอร็ดอร่อย เมื่อได้กินอิ่มนอนอุ่น จังไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเกินเป็นเทวดาบนสวรรค์จะมีความสุขเพียงไร
คำตอบก็อยู่ตรงที่ว่า เมื่อถึงเวลาอาหาร เทวดาทั้งปวงจะแบ่งกันออกเป็นสองฟาก นั่งหันหน้าเข้าหากัน จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็ใช้ช้อนอันแสนยาวของตัวเองตักอาหารที่อยู่ตรงหน้า แต่เมื่อตักแล้วไม่ได้เสียเวลาพยายามนำอาหารนั้นเข้าปากของตนเองอย่างยากเย็นเหมือนสัตวน์นรกหรอกนะ ทว่าพวกเขาตักอาหารได้แล้วก็ช่วยป้อนให้กับเพื่อนเทวดาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวเองต่างหาก โดยวิธีนี้บรรยากาศการทานอาหารร่วมกันในแต่ละวันของเทวดาบนสวรรค์จึงนับว่าเป็นช่วงเวลาอันแสนสุขอย่างยิ่ง ตักอาหารไป ยิ้มให้กันไปสบตากันไปอย่างมีไมตรีจิต แต่ละมื้อจึงอิ่มทั้งการและอิ่มทั้งใจเพราะต่างฝ่ายต่างก็ได้ "ให้" แก่กันและกันอย่างเอื้ออารีจนเป็นวิถีชีวิตประจำวันอันรื่นรมย์
"อย่าถามว่าชีวิตนี้ใครจะให้อะไรแก่เธอ"
"แต่จงถามว่าชีวิตนี้เธอจะให้อะไรแก่ใครบ้าง"
จบครับ
Sunday, February 4, 2007
ด้วยรักและแบ่งปัน ตอนแรก
หนังสือ ธรรมะสบายใจ
เรื่อง ด้วยรักและแบ่งปันอันแสนสุข
ขอยกมาช่วงหนึ่งก็แล้วกันครับ
ชายหนุ่มคนหนึ่งได้สิทธิพิเศษ ไปศึกษาดูงานในนรก และสวรรค์ เขาเลือกไปดูงานในนรกก่อน ที่นรกนั้นมียมบาลตนหนึ่งเป็นมัคคุเทศก์พาไปชมแดนต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นทัณฑสถานอันน่าสะพรึงกลัวเมื่อชมสถานที่ต่างๆ จนครบแล้ว เจ้าพนักงานประจำนรกก็พาชายหนุ่มไปดูวิถีชีวิต คือการอยู่การกินของชาวนรกบ้างว่าเป็นอย่างไร
ที่ห้องอาหาร เมื่อถึงเวลาอาหารเช้า มีสัตว์นรกจำนวนมากมายนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะ และอาหารก็ถูกจัดเตรียมเอาไว้เต็มโต๊ะอย่างพร้อมสรรพ แต่เขาสังเกตดูพบว่าสัตว์นรกเหล่านั้นมีร่างกายผอมโซหน้าตาอมทุกข์ ทั้งๆ ที่มีอาหารมากมาย แต่พวกเขาก็หาได้กินอาหารเหล่านั้นอย่างง่ายดายแต่อย่างใดไม่ ตรงกันข้าม กว่าจะกินอาหารได้แต่ละคำช่างทุกข์หนักหนาสาหัสเสียเหลือเกิน เมื่อพินิจดูอย่างถึ่ถ้วนชายหนุ่มจากมนุษยโลกก็พบว่าเพราะเหตุใดสัตว์นรกเหล่านั้นจึงทุกข์และผมโซเหมือนไม้เสียบลูกชิ้นกันทั่วทุกตัวตน
เคล็ดลับแห่งความผอมกะหร่องของสัตว์นรกอยู่ตรงที่สัตว์นรกทุกตัวล้วนมีช้อนที่ยาวหลายเมตรผูกติดมือ เมื่อถึงเวลาอาหาร สัตวืนรกเหล่านั้นสามารถใช้ช้อนตักอาหารได้เต็มช้อน แต่มีปัญหาตรงที่เมื่อตักอาหารแล้ว ถึงเวลาจะนำอาหารเข้าปากกลับทำไม่ได้ เพราะช้อนที่ยาวเกินไปนั้น เมื่อพวกเขาตักอาหารได้แล้วและยื่นกลับมาหาปากตัวเอง ช้อนก็จะเลยปากไปหลายเมตร เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงแม้มีอาหารมากมายให้ตัก แต่สัตว์นรกก็นำอาหารเข้าปากตัวเองไม่ได้อยู่ดี
เมื่ออาหารมี แต่กินไม่ได้ มีก็เหมือนไม่มี พวกเขาจึงทุกข์เพราะความหิวอย่างสาหัสสากรรจ์ วันๆ ทำได้อย่างดีก็เพียงนั่งมองอาหารแล้วทำตาปริปๆ ด้วยความเศร้าสลด ชายหนุ่มเห็นสภาพอันน่าเวทนาของสัตว์นรกแล้วก็อดสลดใจไม่ได้
ง่วงจัง ครั้งหน้าไปดูงานที่สวรรค์กันครับ
เรื่อง ด้วยรักและแบ่งปันอันแสนสุข
ขอยกมาช่วงหนึ่งก็แล้วกันครับ
ชายหนุ่มคนหนึ่งได้สิทธิพิเศษ ไปศึกษาดูงานในนรก และสวรรค์ เขาเลือกไปดูงานในนรกก่อน ที่นรกนั้นมียมบาลตนหนึ่งเป็นมัคคุเทศก์พาไปชมแดนต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นทัณฑสถานอันน่าสะพรึงกลัวเมื่อชมสถานที่ต่างๆ จนครบแล้ว เจ้าพนักงานประจำนรกก็พาชายหนุ่มไปดูวิถีชีวิต คือการอยู่การกินของชาวนรกบ้างว่าเป็นอย่างไร
ที่ห้องอาหาร เมื่อถึงเวลาอาหารเช้า มีสัตว์นรกจำนวนมากมายนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะ และอาหารก็ถูกจัดเตรียมเอาไว้เต็มโต๊ะอย่างพร้อมสรรพ แต่เขาสังเกตดูพบว่าสัตว์นรกเหล่านั้นมีร่างกายผอมโซหน้าตาอมทุกข์ ทั้งๆ ที่มีอาหารมากมาย แต่พวกเขาก็หาได้กินอาหารเหล่านั้นอย่างง่ายดายแต่อย่างใดไม่ ตรงกันข้าม กว่าจะกินอาหารได้แต่ละคำช่างทุกข์หนักหนาสาหัสเสียเหลือเกิน เมื่อพินิจดูอย่างถึ่ถ้วนชายหนุ่มจากมนุษยโลกก็พบว่าเพราะเหตุใดสัตว์นรกเหล่านั้นจึงทุกข์และผมโซเหมือนไม้เสียบลูกชิ้นกันทั่วทุกตัวตน
เคล็ดลับแห่งความผอมกะหร่องของสัตว์นรกอยู่ตรงที่สัตว์นรกทุกตัวล้วนมีช้อนที่ยาวหลายเมตรผูกติดมือ เมื่อถึงเวลาอาหาร สัตวืนรกเหล่านั้นสามารถใช้ช้อนตักอาหารได้เต็มช้อน แต่มีปัญหาตรงที่เมื่อตักอาหารแล้ว ถึงเวลาจะนำอาหารเข้าปากกลับทำไม่ได้ เพราะช้อนที่ยาวเกินไปนั้น เมื่อพวกเขาตักอาหารได้แล้วและยื่นกลับมาหาปากตัวเอง ช้อนก็จะเลยปากไปหลายเมตร เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงแม้มีอาหารมากมายให้ตัก แต่สัตว์นรกก็นำอาหารเข้าปากตัวเองไม่ได้อยู่ดี
เมื่ออาหารมี แต่กินไม่ได้ มีก็เหมือนไม่มี พวกเขาจึงทุกข์เพราะความหิวอย่างสาหัสสากรรจ์ วันๆ ทำได้อย่างดีก็เพียงนั่งมองอาหารแล้วทำตาปริปๆ ด้วยความเศร้าสลด ชายหนุ่มเห็นสภาพอันน่าเวทนาของสัตว์นรกแล้วก็อดสลดใจไม่ได้
ง่วงจัง ครั้งหน้าไปดูงานที่สวรรค์กันครับ
Saturday, February 3, 2007
การให้
การให้ มองเพียงผิวเผินเสมือนการเสีย หากแท้จริงแล้วการให้นั่นแหละคือการได้รับ จงเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้ แล้วเธอจะได้รับอย่างแท้จริง (ธรรมะหลับสบาย หน้า 131) On the surface Giving may seem like losing. Actully,giving is receiving. Learn how to give, And you will truely receive.
สาธุ
สาธุ
Thursday, February 1, 2007
Install & Uninstall compile program linux
โปรแกรมที่เราติดตั้งด้วยการคอมไฟล์นั้น เราจะสามารถ ถอน มันออกได้อย่างไร
นี่คือการแตกไฟล์
- tar -xzvf file.tar
การคอมไฟล์ และการติดตั้ง
$ ./configure
$ make
$ make install
ถ้าใน folder ที่เราแตกออกมาข้างในมีไฟล์ uninstall ด้วยล่ะก็เราสามารถถอนโปรแกรมได้ด้วยคำสั่ง
$ make uninstall
นี่คือการแตกไฟล์
- tar -xzvf file.tar
การคอมไฟล์ และการติดตั้ง
$ ./configure
$ make
$ make install
ถ้าใน folder ที่เราแตกออกมาข้างในมีไฟล์ uninstall ด้วยล่ะก็เราสามารถถอนโปรแกรมได้ด้วยคำสั่ง
$ make uninstall
Wednesday, January 31, 2007
Help CHM File
ในระบบปฎิบัติการ วินโดวส์ ไฟล์ help ส่วนมากจะเป็น .hlp หรือ ไม่ก็ .chm เรามาทำให้โปรแกรมจาวาเรียก ไฟล์ chm กัน
Runtime.getRuntime().exec("hh.exe file.chm");
เราจะเป็นว่าเราได้สร้างโพรเซสที่มีการเรียก hh โปรแกรม (c:\windows\hh.exe) ไอ้โปรแกรมตัวนี้ล่ะครับที่เป็นโปรแกรมสำหรับเปิดไฟล์ chm อ่านอ่ะนะ ในระบบปฎิบัติการ ลินุกซ์ ก็มีโปรแกรมเปิดไฟล์ chm เช่นเดียวกันขอบอก
Runtime.getRuntime().exec("hh.exe file.chm");
เราจะเป็นว่าเราได้สร้างโพรเซสที่มีการเรียก hh โปรแกรม (c:\windows\hh.exe) ไอ้โปรแกรมตัวนี้ล่ะครับที่เป็นโปรแกรมสำหรับเปิดไฟล์ chm อ่านอ่ะนะ ในระบบปฎิบัติการ ลินุกซ์ ก็มีโปรแกรมเปิดไฟล์ chm เช่นเดียวกันขอบอก
Tuesday, January 30, 2007
Java Netbeans tip collapse code
- ใน Studio dot net มันจะมีการ collapse code ที่เราเห็นแล้ว เคียงสายตา ^^
- ใน Netbeans ก็มีอ่ะนะ
// <editor-fold defaultstate="collapsed" desc=" Collapse comment">
...........Code java...........
// </editor-fold>
- ใน Netbeans ก็มีอ่ะนะ
// <editor-fold defaultstate="collapsed" desc=" Collapse comment">
...........Code java...........
// </editor-fold>
Thursday, January 25, 2007
Saturday, January 20, 2007
JTextField only digit
// Add feature to JTextField
// MyJTextField.java
import java.awt.event.KeyAdapter;
import java.awt.event.KeyEvent;
import javax.swing.JTextField;
public class MyJTextField extends JTextField {
/** Creates a new instance of JOnlyDigitField */
public MyJTextField() {
initFeature();
}
public MyJTextField(int width) {
super(width);
initFeature();
}
int length = 9; // real 10
JTextField txfThis = this;
public void setLength(int length) {
this.length = length - 1;
}
public int getLength() {
return length;
}
public void initFeature() {
this.addKeyListener(new KeyAdapter() {
public void keyTyped(KeyEvent e) {
char c = e.getKeyChar();
if ((!(Character.isDigit(c)
|| c == KeyEvent.VK_BACK_SPACE)
|| (c == KeyEvent.VK_DELETE))) {
e.consume();
}
if (txfThis.getText().length() > length)
e.consume();
}
});
}
}
Sunday, January 14, 2007
Set user no password on MySQL Server
- Hi ^^ ปกติเมื่อเราติดตั้ง MySQL Server เราสามารถล็อคอินโดยไม่มีรหัสผ่านเข้าไปได้ แต่เมื่อเราได้ตั้งรหัสผ่าน แล้ว เราต้องการจะ กลับมาใช้แบบไม่ใส่รหัสผ่านเหมือนเดิมได้อย่างไร
- เราสามารถจัดการผ่าน phpMyAdmin ได้เลยครับ
- ใช้ command line ครับ mysql> SET PASSWORD FOR 'root'@ 'localhost' = '';
- แต่ถ้าต้องการตั้งรหัสก็ต้องงี้
mysql> SET PASSWORD FOR 'root'@ 'localhost' = password('we
password');or
mysql> set password=password('we password');
Note:
- เราสามารถเข้ารหัสได้โดยเรียกฟังก์ชั่น password('');
- select password('helo');
GDM Error (linux)
Hi ^^
วันก่อน นั่งลง Cents แล้วก็ปรับแต่งอินเทอเฟสซักกะหน่อย ไปดาวน์โหลด gdm theme มาลง พอตอนล็อคเอาท์ ออกไป มันขึ้น
There was an error loading the theme [name] gdm
bad stock label type
กด Ok ยังไงก็ไม่ไปใหนเลยอ่ะ T_T นึกว่าจะได้นั่งลงใหม่ซะแล้ว แต่ลองหาวิธีแก้ดูก็พบครับถาม google ดู
Try this:
* Hit CTRL+ALT+F1 to get into the first of the console screens, and login as normal user.
* Run "xinit -- :1" to open a new X.
* Move the mouse into the terminal window and run: gnome-session.
* Try to fix your problem by running gdmsetup
* Hit CTRL-C in the first terminal, to abort gnome-session
- เมื่อมันขึ้นหน้าจอ Error popup ให้เราเข้าไปใน textmode ครับ โดยการกด Ctrl+Alt+F1
- ล็อคอินเข้าด้วย user root พิมพ์คำสั่งดังนี้
# xinit -- :1
- จะได้หน้า x window หน้าหนึ่ง และจะมี เทอมินอลอันหนึ่ง ให้เราพิมพ์ gnome-session ในเทอมินอลนั้น
- มันก็จะรัน gnome window ขึ้นมาให้เรา เราก็เข้าไปปรับแก้ gdm ได้เลยครับ พอปรับแก้เสร็จก็กด close เทอมินอลที่มันขึ้นตอนแรก
- พอเรากด close มัน มันก็จะเข้าสู่หน้า ล็อคอิน อีกครั้ง แล้ว Error popup ก็จะหายไปเพราะเราได้ปรับ gdm อันใหม่แล้ัว
เย่ ไม่ต้องลงระบบใหม่แล้วเรา ^^
วันก่อน นั่งลง Cents แล้วก็ปรับแต่งอินเทอเฟสซักกะหน่อย ไปดาวน์โหลด gdm theme มาลง พอตอนล็อคเอาท์ ออกไป มันขึ้น
There was an error loading the theme [name] gdm
bad stock label type
กด Ok ยังไงก็ไม่ไปใหนเลยอ่ะ T_T นึกว่าจะได้นั่งลงใหม่ซะแล้ว แต่ลองหาวิธีแก้ดูก็พบครับถาม google ดู
Try this:
* Hit CTRL+ALT+F1 to get into the first of the console screens, and login as normal user.
* Run "xinit -- :1" to open a new X.
* Move the mouse into the terminal window and run: gnome-session.
* Try to fix your problem by running gdmsetup
* Hit CTRL-C in the first terminal, to abort gnome-session
- เมื่อมันขึ้นหน้าจอ Error popup ให้เราเข้าไปใน textmode ครับ โดยการกด Ctrl+Alt+F1
- ล็อคอินเข้าด้วย user root พิมพ์คำสั่งดังนี้
# xinit -- :1
- จะได้หน้า x window หน้าหนึ่ง และจะมี เทอมินอลอันหนึ่ง ให้เราพิมพ์ gnome-session ในเทอมินอลนั้น
- มันก็จะรัน gnome window ขึ้นมาให้เรา เราก็เข้าไปปรับแก้ gdm ได้เลยครับ พอปรับแก้เสร็จก็กด close เทอมินอลที่มันขึ้นตอนแรก
- พอเรากด close มัน มันก็จะเข้าสู่หน้า ล็อคอิน อีกครั้ง แล้ว Error popup ก็จะหายไปเพราะเราได้ปรับ gdm อันใหม่แล้ัว
เย่ ไม่ต้องลงระบบใหม่แล้วเรา ^^
Tuesday, January 9, 2007
อะไรคือปัญหาของการเรียนการเขียนโปรแกรมภาษาจาวา
Hi ^^ ที่มา narisa.com ครับ ตอบดีมากเลยอาจารย์ minimalist
คุณคิดว่าปัญหาของการเรียนการเขียนโปรแกรมภาษาจาวาไม่รู้เรื่องมีสาเหตุมาจากอะไร แล้วเป็นเนื้อหาในส่วนใดที่มีปัญหามากที่สุด
คุณคิดว่าปัญหาของการเรียนการเขียนโปรแกรมภาษาจาวาไม่รู้เรื่องมีสาเหตุมาจากอะไร แล้วเป็นเนื้อหาในส่วนใดที่มีปัญหามากที่สุด
เป็นคำถามที่เจอบ่อยมาก ๆ คำถามหนึ่ง
ปัญหาที่สร้างความลำบากในการเริ่มต้นกับ Java คือ
1. การสร้างมุมมองด้าน Object คือ ต้องสร้างหรือปรับทัศนคติให้ได้ ตีความเก่ง ๆ ตีทุกอย่างที่ขวางหน้าเป็นโลกอ็อบเจ็คต์ให้ได้
2. พื้นฐาน Object-Orientation เข้าใจศัพท์แสงและหลักการ เช่น Encapsulation, Polymorphism, Inheritance,
Override, Overload, Classification, Generalization, Specialization, Aggregation, Composition,
Navigability, Multiplicity, Realization, Visualization, Construction ฯลฯ
3. Java Syntax เช่น reserved words, การตั้งชื่อ, รายละเอียดเกี่ยวกับตัวแปรประเภทต่าง ๆ, การประกาศตัวแปร,
การสร้างเมธอด คลาส อินเตอร์เฟซ เป็นต้น
4. พื้นฐาน Java ที่จำเป็น เช่น Java Architecture (เช่น การทำงานของ JVM), Exception, Collection API เป็นต้น
5. มี API, Library และเทคโนโลยีเกี่ยวกับ Java มากมาย (อะไร ๆ ก็มักขึ้นต้นด้วย 'J') สร้างความสับสนงงงวย (จะศึกษาไป
ทางไหนดีวะ!?) ศึกษาไปศึกษามาเริ่มออกทะเล ไม่แข็งไม่เก่งอะไรสักอย่าง แต่ดันทะลึ่งเขียนโปรแกรมได้ แล้วโปรแกรมก็ดันทะลึ่ง
ทำงานได้ด้วย
6. ไม่มีคนใกล้ตัวที่เชื่อใจได้ว่าเก่ง Java จริง (สามารถจับต้องมองเห็นหน้าได้ ไม่ใช่ในเว็บบอร์ด)
7. ผู้คนมากมายพูดถึงพวก JSP, JSF, Servlet, EJB, Spring, Struts, Hibernate ฯ ก็เลยอยากใช้มั่ง อยากทำเป็นมั่ง
8. ใจร้อน อยากเรียน Part ชั้น อยากสอบเทียบ ทั้ง ๆ ที่พื้นฐานยังไม่แข็ง แถมสอบเทียบได้ก็ยังไม่รู้จะเรียนอะไรต่อหรือจะไปทำอะไรต่อ
9. ครูบาอาจารย์หลายท่านอ่านหนังสือมาสอน บางท่านไม่ได้สอน Java โดยตรง แต่สอนประกอบวิชาหลัก แล้วรายละเอียดด้าน
Java ให้นักศึกษาไปเรียนและฝึกเอาเอง แต่ตอนให้นักศึกษาทำโปรเจ็คต์ดันบังคับให้ใช้ Java
10. หนังสือ เอกสาร และตำราดี ๆ มักเป็นภาษาอังกฤษ และไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ยังไงก็ต้องอ่าน ดังนั้นต้องรักการอ่านก่อน
11. มีแนวคิดหรือพะวงกับ Database มากไป และเป็นพวกยึดติดกับ Database ประมาณว่า ER Diagram ยังไม่ออก ชั้นทำอะไร
ไม่ได้ จะคิดถึงคลาสสมองอีกซีกก็ชอบไปคิดถึง Table
12. ไม่มีพื้นฐานหรือประสบการณ์ด้าน Software Engineering ที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์แบบ Object
เพราะส่วนมากที่เรียนกันมาเป็นแบบ Waterfall Model
ประมาณนี้ครับ....
สำหรับบันไดขั้นแรก คือ ข้อ 1 และ 2 ครับ ถ้าสอบไม่ผ่าน แต่ข้ามไปศึกษาและทำอย่างอื่นต่อ สุดท้ายก็จะตกม้าตาย
สำหรับข้อ 2 หลายคนเข้าใจว่าไว้ไปเรียน หรือ ควรสอน ตอนปริญญาโท หรือ ตอนจะฝึกด้าน Analysis and Design แต่จริง ๆ แล้ว
ควรศึกษาก่อนศึกษา Java ด้วยซ้ำ คือแค่ศึกษาให้เข้าใจหลักการ ไม่ต้องถึงกับเขียน UML อะไรทั้งนั้น
สำหรับข้อ 3 นั้น Java Syntax จริง ๆ มีน้อยมาก ฝึกฝนแค่สัปดาห์เดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องเอาลึกซึ้งมาก แต่ต้องได้พื้นฐานที่ดี
สำหรับข้อ 4 เอาแค่พื้นฐานและสิ่งที่จะได้ใช้บ่อย ๆ พอ พวก I/O, Thread, Swing, AWT ไม่ต้องไปศึกษา เพราะเดี๋ยวนี้
ไม่ค่อยได้ใช้โดยตรงมากนัก เอาไว้เจองานหรือโปรเจ็คต์ที่จะได้ใช้แล้วค่อยหาเวลาศึกษาก็ได้ แต่พวก Exception, Collection API
อะไรพวกนี้สำคัญ และใช้บ่อย ก็ควรมีพื้นฐานด้านนี้ไว้
แต่ก่อนผมสอน Java Programming ผมสอนหมดเลย สุดท้ายตอนหลังได้ไอเดียจาก อาจารย์ ธนชาติ นุ่มนนท์ ว่าสอนไปก็เสียเวลา
ทั้งเวลาเราและเวลาคนเรียน เช่น เรื่อง Thread ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจละเอียดต้องใช้เวลาจริง ๆ อย่างน้อย 1 วัน หรืออย่าง I/O,
Swing ก็เช่นกัน กลายเป็นว่าทำให้คนเรียนเขาเครียดเปล่า ๆ เรียน Java แล้วรู้สึกเครียด ยาก... ทั้ง ๆ ที่เดี๋ยวนี้ศึกษา Java ไป
ก็ไปทำเว็บกันหมด I/O, Thread, Swing แทบไม่ได้ใช้เลย ดังนั้น สอน / ศึกษา เท่าที่จะได้ใช้บ่อย ๆ จริง ๆ พอ...
ศึกษาแต่พอเพียง ต้องพอเพียงอย่าโลภ คนเรียน/นักเรียน/ผู้ที่เพิ่งเริ่มศึกษา Java ส่วนมากมักคิดว่า ฉันจ่ายค่าเรียนมาแล้ว
ฉันซื้อหนังสือมาหลายบาท ฉันต้องศึกษาทุกอย่างที่มีใน Java ซึ่งในความเป็นจริงคงเป็นไปไม่ได้
เดี๋ยวนี้ผมเลิกสอน Java Programming และวิชา Programming แล้ว เพราะมักโดนด่า
เพราะวิชาด้านนี้ชอบสอนตามใจตัวเอง ตามใจนักเรียนไม่ได้... เพราะอาจโดนด่าหนักกว่า ส่วนมากมักคาดหวังว่าเรียนแล้วกลับไป
ต้องทำงานได้จริง... ซึ่งจริง ๆ แล้วคงไม่ได้ ต้องศึกษาอีกหลายอย่าง ไม่ใช่อยากเขียน Java เป็นก็ไปเรียน Java Programming
อยากเขียน EJB เป็น ก็ไปเรียน EJB Programming อย่างนี้พวกวิชา หรือตำราอื่น ๆ เขาจะมีไว้ทำไมกัน
สำหรับข้อ 5 เป็น Case ที่ผู้ที่เพิ่งเริ่มกับ Java เป็นเหมือนกันหมด ผมก็เคยเป็น เพราะมันเยอะเหลือเกิน ศึกษาออกทะเลกันหมด
ดังนั้นต้องกำหนดกรอบให้ชัดเจนว่าศึกษา Java ไปเพื่ออะไร จะเอาไปทำอะไร ทำซอฟต์แวร์หรือแอพพลิเคชั่นด้านไหน
เหมือนคนที่เพิ่งเริ่มศึกษา XML ไม่รู้ชัดเจนว่าจะเอาไปทำอะไรก็ศึกษามันหมด เดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็ X... อะไร ๆ ก็ ..ML เดี๋ยว XSL
XSLT XPath XXXXXXXXX...... ศึกษาไปศึกษามาจริง ๆ แค่ต้องการฝึกอ่านและเขียน Deployment Descriptor ใน J2EE
แค่นั้นเอง
สำหรับข้อ 6 จะลอกข้อสอบเพื่อน แน่ใจแค่ไหนว่าเพื่อนเราเก่งจริง!? เดี๋ยวนี้คนเขียน Java 'ได้' มากมาย แต่หลายคนในนั้นอาจ
เขียนไม่ 'เป็น' จริง ๆ ก็ได้ ดังนั้นการจะถาม ศึกษา อ่าน หรือ ฟังใคร ต้องใช้หลัก 'กาลามสูตร' ของพระพุทธเจ้าให้ดี
สำหรับข้อ 7 และ 8 ต้องอย่าใจร้อน ค่อยเป็นค่อยไป คนฉลาดย่อมเคยเป็นคนโง่มาก่อน ผู้รู้ย่อมเคยไม่รู้มาก่อน อย่าใจร้อน อย่าเห็นแก่งาน
อย่าเห็นแก่เงิน อย่าเร่งรีบอวดโชว์ใคร อย่าเร่งรีบวิ่งตามใคร ค่อย ๆ ศึกษาและฝึกฝนไป วันนี้มองไปข้างหน้าอาจเห็นแต่หลังคนอื่น
วันหน้าอาจเป็นคนอื่นที่ต้องมาเห็นหลังเราแทน
สำหรับข้อ 9 เป็นความจริงในหลายสถาบันการศึกษา อาจารย์หลายท่านจากหลายมหาวิทยาลัยก็เคยเล่าให้ฟัง (อาจารย์น่ารักและ
น่าชื่นชมมาก ที่เปิดเผยและจริงใจ) ที่หลายท่านยังไม่ชำนาญกับ Java เลย แต่ต้องสอน เพราะอาจารย์เองก็ต้องวิ่งตามโลกให้ทัน
หลายท่านน่าสงสารเพราะหลายเหตุผล เช่น บุคลากรด้านนี้มีน้อยมาก เงินเดือนน้อย เทอมหนึ่ง ๆ อาจารย์บางท่านต้องสอนไม่ต่ำกว่า
ห้าวิชา แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปศึกษาไปวิจัยเพิ่มเติม อาจารย์หลายท่านท้อและเหนื่อยกับการสอน Java Programming (เหมือนที่
ผมก็เคยเป็น) เพราะมันต้องปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกันไปด้วย ถึงจะ 'Work'
สำหรับข้อ 10 ต้องฝึกเป็นคนรักการอ่าน ชอบศึกษา และต้องศึกษาภาษาอังกฤษ ไม่ต้องถึงกับไปลงเรียนภาคอินเตอร์ฯ ให้เปลืองตังค์
คนที่จะอยู่รอดกับ Java ได้ต้องรักการศึกษาแบบกัดไม่ปล่อย ปล่อยเมื่อไหร่โดนกระแสเทคโนโลยีพัดตกเหวตาย ดังนั้นใครที่ไม่ชอบ
อ่านหนังสือ ไม่ชอบศึกษาเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไม่ชอบภาษาอังกฤษ... วันนี้อาจยังใช้ Java อยู่ แต่อีกไม่นานจะหย่าขาดจาก Java แน่ ๆ
เชื่อสิ ไม่มีใครบังคับด้วย แต่คุณเองล่ะที่จะทนตัวเองไม่ได้ และเบื่อ เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแทน
สำหรับข้อ 11 และ 12 เป็นพื้นฐานที่สำคัญ ต้องปรับ ต้องจูน ต้องเข้าใจกระบวนการ
======================================
ประมาณนี้ครับ (ยาวอีกละ)
ป.ล. เดี๋ยวนี้มหาวิทยาลัยไม่ใช่แหล่งความรู้ และถ่ายทอดวิชาความรู้อีกต่อไป แต่เป็น 'ธุรกิจ' ด้านการศึกษาชนิดหนึ่ง
แข่งกันเข้าไป...
minimalist (ณรงค์)
3 มกราคม 2550
# comment by myself
- อือ ผมชอบข้อ 7 นะ เราพยายามหาความรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้มากเกินไป ทำให้ ไม่ได้เรื่องซักกะอย่างเลย
เหมือนตัวเองมากเลย อยากรู้นั้น นี่ไปหมดทุกอย่างแต่ มันไม่ได้เรื่องซักกะอย่าง เลยครับ ^^'
- ต่อไปจะศึกษาแต่เรื่องที่ชอบครับ
- แล้วก็อีกอย่างที่โดนมาก ข้อ5 ครับ มีเยอะจริงๆ นะ เลยไม่รู้จาเริ่มตรงใหนดีอ่ะ - -
ปัญหาที่สร้างความลำบากในการเริ่มต้นกับ Java คือ
1. การสร้างมุมมองด้าน Object คือ ต้องสร้างหรือปรับทัศนคติให้ได้ ตีความเก่ง ๆ ตีทุกอย่างที่ขวางหน้าเป็นโลกอ็อบเจ็คต์ให้ได้
2. พื้นฐาน Object-Orientation เข้าใจศัพท์แสงและหลักการ เช่น Encapsulation, Polymorphism, Inheritance,
Override, Overload, Classification, Generalization, Specialization, Aggregation, Composition,
Navigability, Multiplicity, Realization, Visualization, Construction ฯลฯ
3. Java Syntax เช่น reserved words, การตั้งชื่อ, รายละเอียดเกี่ยวกับตัวแปรประเภทต่าง ๆ, การประกาศตัวแปร,
การสร้างเมธอด คลาส อินเตอร์เฟซ เป็นต้น
4. พื้นฐาน Java ที่จำเป็น เช่น Java Architecture (เช่น การทำงานของ JVM), Exception, Collection API เป็นต้น
5. มี API, Library และเทคโนโลยีเกี่ยวกับ Java มากมาย (อะไร ๆ ก็มักขึ้นต้นด้วย 'J') สร้างความสับสนงงงวย (จะศึกษาไป
ทางไหนดีวะ!?) ศึกษาไปศึกษามาเริ่มออกทะเล ไม่แข็งไม่เก่งอะไรสักอย่าง แต่ดันทะลึ่งเขียนโปรแกรมได้ แล้วโปรแกรมก็ดันทะลึ่ง
ทำงานได้ด้วย
6. ไม่มีคนใกล้ตัวที่เชื่อใจได้ว่าเก่ง Java จริง (สามารถจับต้องมองเห็นหน้าได้ ไม่ใช่ในเว็บบอร์ด)
7. ผู้คนมากมายพูดถึงพวก JSP, JSF, Servlet, EJB, Spring, Struts, Hibernate ฯ ก็เลยอยากใช้มั่ง อยากทำเป็นมั่ง
8. ใจร้อน อยากเรียน Part ชั้น อยากสอบเทียบ ทั้ง ๆ ที่พื้นฐานยังไม่แข็ง แถมสอบเทียบได้ก็ยังไม่รู้จะเรียนอะไรต่อหรือจะไปทำอะไรต่อ
9. ครูบาอาจารย์หลายท่านอ่านหนังสือมาสอน บางท่านไม่ได้สอน Java โดยตรง แต่สอนประกอบวิชาหลัก แล้วรายละเอียดด้าน
Java ให้นักศึกษาไปเรียนและฝึกเอาเอง แต่ตอนให้นักศึกษาทำโปรเจ็คต์ดันบังคับให้ใช้ Java
10. หนังสือ เอกสาร และตำราดี ๆ มักเป็นภาษาอังกฤษ และไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ยังไงก็ต้องอ่าน ดังนั้นต้องรักการอ่านก่อน
11. มีแนวคิดหรือพะวงกับ Database มากไป และเป็นพวกยึดติดกับ Database ประมาณว่า ER Diagram ยังไม่ออก ชั้นทำอะไร
ไม่ได้ จะคิดถึงคลาสสมองอีกซีกก็ชอบไปคิดถึง Table
12. ไม่มีพื้นฐานหรือประสบการณ์ด้าน Software Engineering ที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์แบบ Object
เพราะส่วนมากที่เรียนกันมาเป็นแบบ Waterfall Model
ประมาณนี้ครับ....
สำหรับบันไดขั้นแรก คือ ข้อ 1 และ 2 ครับ ถ้าสอบไม่ผ่าน แต่ข้ามไปศึกษาและทำอย่างอื่นต่อ สุดท้ายก็จะตกม้าตาย
สำหรับข้อ 2 หลายคนเข้าใจว่าไว้ไปเรียน หรือ ควรสอน ตอนปริญญาโท หรือ ตอนจะฝึกด้าน Analysis and Design แต่จริง ๆ แล้ว
ควรศึกษาก่อนศึกษา Java ด้วยซ้ำ คือแค่ศึกษาให้เข้าใจหลักการ ไม่ต้องถึงกับเขียน UML อะไรทั้งนั้น
สำหรับข้อ 3 นั้น Java Syntax จริง ๆ มีน้อยมาก ฝึกฝนแค่สัปดาห์เดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องเอาลึกซึ้งมาก แต่ต้องได้พื้นฐานที่ดี
สำหรับข้อ 4 เอาแค่พื้นฐานและสิ่งที่จะได้ใช้บ่อย ๆ พอ พวก I/O, Thread, Swing, AWT ไม่ต้องไปศึกษา เพราะเดี๋ยวนี้
ไม่ค่อยได้ใช้โดยตรงมากนัก เอาไว้เจองานหรือโปรเจ็คต์ที่จะได้ใช้แล้วค่อยหาเวลาศึกษาก็ได้ แต่พวก Exception, Collection API
อะไรพวกนี้สำคัญ และใช้บ่อย ก็ควรมีพื้นฐานด้านนี้ไว้
แต่ก่อนผมสอน Java Programming ผมสอนหมดเลย สุดท้ายตอนหลังได้ไอเดียจาก อาจารย์ ธนชาติ นุ่มนนท์ ว่าสอนไปก็เสียเวลา
ทั้งเวลาเราและเวลาคนเรียน เช่น เรื่อง Thread ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจละเอียดต้องใช้เวลาจริง ๆ อย่างน้อย 1 วัน หรืออย่าง I/O,
Swing ก็เช่นกัน กลายเป็นว่าทำให้คนเรียนเขาเครียดเปล่า ๆ เรียน Java แล้วรู้สึกเครียด ยาก... ทั้ง ๆ ที่เดี๋ยวนี้ศึกษา Java ไป
ก็ไปทำเว็บกันหมด I/O, Thread, Swing แทบไม่ได้ใช้เลย ดังนั้น สอน / ศึกษา เท่าที่จะได้ใช้บ่อย ๆ จริง ๆ พอ...
ศึกษาแต่พอเพียง ต้องพอเพียงอย่าโลภ คนเรียน/นักเรียน/ผู้ที่เพิ่งเริ่มศึกษา Java ส่วนมากมักคิดว่า ฉันจ่ายค่าเรียนมาแล้ว
ฉันซื้อหนังสือมาหลายบาท ฉันต้องศึกษาทุกอย่างที่มีใน Java ซึ่งในความเป็นจริงคงเป็นไปไม่ได้
เดี๋ยวนี้ผมเลิกสอน Java Programming และวิชา Programming แล้ว เพราะมักโดนด่า
เพราะวิชาด้านนี้ชอบสอนตามใจตัวเอง ตามใจนักเรียนไม่ได้... เพราะอาจโดนด่าหนักกว่า ส่วนมากมักคาดหวังว่าเรียนแล้วกลับไป
ต้องทำงานได้จริง... ซึ่งจริง ๆ แล้วคงไม่ได้ ต้องศึกษาอีกหลายอย่าง ไม่ใช่อยากเขียน Java เป็นก็ไปเรียน Java Programming
อยากเขียน EJB เป็น ก็ไปเรียน EJB Programming อย่างนี้พวกวิชา หรือตำราอื่น ๆ เขาจะมีไว้ทำไมกัน
สำหรับข้อ 5 เป็น Case ที่ผู้ที่เพิ่งเริ่มกับ Java เป็นเหมือนกันหมด ผมก็เคยเป็น เพราะมันเยอะเหลือเกิน ศึกษาออกทะเลกันหมด
ดังนั้นต้องกำหนดกรอบให้ชัดเจนว่าศึกษา Java ไปเพื่ออะไร จะเอาไปทำอะไร ทำซอฟต์แวร์หรือแอพพลิเคชั่นด้านไหน
เหมือนคนที่เพิ่งเริ่มศึกษา XML ไม่รู้ชัดเจนว่าจะเอาไปทำอะไรก็ศึกษามันหมด เดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็ X... อะไร ๆ ก็ ..ML เดี๋ยว XSL
XSLT XPath XXXXXXXXX...... ศึกษาไปศึกษามาจริง ๆ แค่ต้องการฝึกอ่านและเขียน Deployment Descriptor ใน J2EE
แค่นั้นเอง
สำหรับข้อ 6 จะลอกข้อสอบเพื่อน แน่ใจแค่ไหนว่าเพื่อนเราเก่งจริง!? เดี๋ยวนี้คนเขียน Java 'ได้' มากมาย แต่หลายคนในนั้นอาจ
เขียนไม่ 'เป็น' จริง ๆ ก็ได้ ดังนั้นการจะถาม ศึกษา อ่าน หรือ ฟังใคร ต้องใช้หลัก 'กาลามสูตร' ของพระพุทธเจ้าให้ดี
สำหรับข้อ 7 และ 8 ต้องอย่าใจร้อน ค่อยเป็นค่อยไป คนฉลาดย่อมเคยเป็นคนโง่มาก่อน ผู้รู้ย่อมเคยไม่รู้มาก่อน อย่าใจร้อน อย่าเห็นแก่งาน
อย่าเห็นแก่เงิน อย่าเร่งรีบอวดโชว์ใคร อย่าเร่งรีบวิ่งตามใคร ค่อย ๆ ศึกษาและฝึกฝนไป วันนี้มองไปข้างหน้าอาจเห็นแต่หลังคนอื่น
วันหน้าอาจเป็นคนอื่นที่ต้องมาเห็นหลังเราแทน
สำหรับข้อ 9 เป็นความจริงในหลายสถาบันการศึกษา อาจารย์หลายท่านจากหลายมหาวิทยาลัยก็เคยเล่าให้ฟัง (อาจารย์น่ารักและ
น่าชื่นชมมาก ที่เปิดเผยและจริงใจ) ที่หลายท่านยังไม่ชำนาญกับ Java เลย แต่ต้องสอน เพราะอาจารย์เองก็ต้องวิ่งตามโลกให้ทัน
หลายท่านน่าสงสารเพราะหลายเหตุผล เช่น บุคลากรด้านนี้มีน้อยมาก เงินเดือนน้อย เทอมหนึ่ง ๆ อาจารย์บางท่านต้องสอนไม่ต่ำกว่า
ห้าวิชา แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปศึกษาไปวิจัยเพิ่มเติม อาจารย์หลายท่านท้อและเหนื่อยกับการสอน Java Programming (เหมือนที่
ผมก็เคยเป็น) เพราะมันต้องปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกันไปด้วย ถึงจะ 'Work'
สำหรับข้อ 10 ต้องฝึกเป็นคนรักการอ่าน ชอบศึกษา และต้องศึกษาภาษาอังกฤษ ไม่ต้องถึงกับไปลงเรียนภาคอินเตอร์ฯ ให้เปลืองตังค์
คนที่จะอยู่รอดกับ Java ได้ต้องรักการศึกษาแบบกัดไม่ปล่อย ปล่อยเมื่อไหร่โดนกระแสเทคโนโลยีพัดตกเหวตาย ดังนั้นใครที่ไม่ชอบ
อ่านหนังสือ ไม่ชอบศึกษาเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไม่ชอบภาษาอังกฤษ... วันนี้อาจยังใช้ Java อยู่ แต่อีกไม่นานจะหย่าขาดจาก Java แน่ ๆ
เชื่อสิ ไม่มีใครบังคับด้วย แต่คุณเองล่ะที่จะทนตัวเองไม่ได้ และเบื่อ เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแทน
สำหรับข้อ 11 และ 12 เป็นพื้นฐานที่สำคัญ ต้องปรับ ต้องจูน ต้องเข้าใจกระบวนการ
======================================
ประมาณนี้ครับ (ยาวอีกละ)
ป.ล. เดี๋ยวนี้มหาวิทยาลัยไม่ใช่แหล่งความรู้ และถ่ายทอดวิชาความรู้อีกต่อไป แต่เป็น 'ธุรกิจ' ด้านการศึกษาชนิดหนึ่ง
แข่งกันเข้าไป...
minimalist (ณรงค์)
3 มกราคม 2550
# comment by myself
- อือ ผมชอบข้อ 7 นะ เราพยายามหาความรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้มากเกินไป ทำให้ ไม่ได้เรื่องซักกะอย่างเลย
เหมือนตัวเองมากเลย อยากรู้นั้น นี่ไปหมดทุกอย่างแต่ มันไม่ได้เรื่องซักกะอย่าง เลยครับ ^^'
- ต่อไปจะศึกษาแต่เรื่องที่ชอบครับ
- แล้วก็อีกอย่างที่โดนมาก ข้อ5 ครับ มีเยอะจริงๆ นะ เลยไม่รู้จาเริ่มตรงใหนดีอ่ะ - -
Java 6.0 with Netbeans
Hi ^^ ที่มา narisa.com
ปกติเมื่อเราใช้ JDK SE 5 และทำงานกับ NetBeans
ถ้าเราสร้าง Java Application แล้วทำการ Clean and Build Main Project
เราจะได้โฟลเดอร์ dist ที่มีไฟล์ jar และโฟลเดอร์ lib อยู่ภายใน
ซึ่งใน lib นั้นจะมีไฟล์ที่ชื่อ swing-layout-1.0.jar หรือ swing-layout-1.0.1.jar อยู่ภายใน
หลังจากที่เปลี่ยนมาใช้ Java SE 6 ปรากฎว่าไม่มีไฟล์ swing-layout อีกแล้ว
เลยทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า sun เคยประกาศไว้แล้วว่า จะรวม swing-layout
ไว้ใน Java SE 6 ดังนั้นท่านใดที่ทำงานบน Java SE 6 ควรระวังเมื่อนำงานไปใช้บนจาวา
เวอร์ชั่นเก่าด้วยนะคับ
ปกติเมื่อเราใช้ JDK SE 5 และทำงานกับ NetBeans
ถ้าเราสร้าง Java Application แล้วทำการ Clean and Build Main Project
เราจะได้โฟลเดอร์ dist ที่มีไฟล์ jar และโฟลเดอร์ lib อยู่ภายใน
ซึ่งใน lib นั้นจะมีไฟล์ที่ชื่อ swing-layout-1.0.jar หรือ swing-layout-1.0.1.jar อยู่ภายใน
หลังจากที่เปลี่ยนมาใช้ Java SE 6 ปรากฎว่าไม่มีไฟล์ swing-layout อีกแล้ว
เลยทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า sun เคยประกาศไว้แล้วว่า จะรวม swing-layout
ไว้ใน Java SE 6 ดังนั้นท่านใดที่ทำงานบน Java SE 6 ควรระวังเมื่อนำงานไปใช้บนจาวา
เวอร์ชั่นเก่าด้วยนะคับ
Monday, January 8, 2007
คาถา
Hi ^^ ที่มา zone-it.com
คาถาเสกขี้ผึ้ง
มทุจิตตัง สุวามุปขังทิตสวานิมามัง ปิยังมะมะเมตตา ชิวหายะมะ ทุรังทะตวาจาจัง สุตทังสุตตะวา
สัพเพชะนาพะ หุชะนาอิตถีชะนาสัมมะนุนะ พรามมะนา นุนะปะสังสันติ
(ท่องคาถานี้ เสก กับขี้ผึ้ง หรือ วาสลีน หรือ ลิปสติก ทาปาก เพื่อให้ เขารักใคร่ ท่าน )
คาถาสาริกาลิ้นทอง
พุทธา อะเนนา มะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธา อิริมะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิรปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ อุนาโลมา ปันนะ วิชายะเต
(ท่อง ให้จบ บรรทัดแรก แล้วเอามือแตะลิ้น แล้วท่อง บรรทัดที่สองต่อได้เลย
ท่องเพื่อให้ คนนิยมชมชอบ จากคำพูดของท่านเอง )
คาถามัดใจ
พุทธัง รัตตะนัง ธัมมัง รัตตะนัง สังฆัง รัตตะนัง นะผูก โมมัด พุทรัด ธารึง ยะกรึงคะเร โอมสวาหะ
(ใช้สวดภาวนาก่อนนอน ทำให้คนที่ท่านรักคิดถึงท่าน)
คาถาผูกใจคน
โอมนะโมพุทธะ นะ มะ อะ อุ เอหิชัยยะ เอหิสัพเพชะนา พะหูชะนา เอหิ
(ใช้เสกกับแป้งหรือน้ำหอมก็ได้ เพื่อให้ คนรัก คนชอบ เยอะๆ)
คาถาใจอ่อน
ปัญจะมังสิระสังชาตัง นะอตใจ นะกาโร โหติ สัมภะโวตรีนิกัตวานะ นะ การัง ปัญจะสัมภะวัง
(ใช้ท่องก่อน ที่จะไปเจรจา ไม่ว่าจะเรื่องใด ก็ตาม คนที่ท่านไปเจรจา จะ ใจอ่อน ผ่อนปรนให้กับท่าน)
คาถามหาเสน่ห์
จันโทอะภกันตะโรปิติ ปิโย เทวะมนุสสานังอิตภิโยปุริ โสมะ อะ อุ อุ มะ อะ อิสวาสุ อิกะวิติ
(ให้ภาวนาคาถานี้ ๓ จบก่อนออกไปพบคนที่ท่านรัก จะทำให้เขาเกิดความรักใคร่ในตัวท่าน)
คาถาขุนแผน
เอหิมะมะ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ
(ใช้ท่อง เสกใส่ ของที่ ท่าน มักเอาติดต่อ ประจำ ไม่ว่าไปที่ไหน
จะทำให้มีแต่คนหลงใหล)
คาถารักแท้
โอมนะโมพุทธายะ พุทธัง สะระติ ธัมมัง สะระติ
สังฆัง สะระติจิตตังสะมาเรมะมะเอทิ เอหิชัยยะ เอหิสัพเพชะนา พะหูชะนา เอหิ
(ให้บริกรรมคาถานี้กับลูกอม หรือ ของขบเคี้ยว แล้วอมไว้
ในขณะที่คุยกับคนที่ท่าน รัก จะทำให้เขาคนนั้นเกิดความรักจริงจังขึ้นมากับท่าน)
คาถาป้องกันผี
นะโมพุทธายะ มะพะ ทะนะ ภะ กะ สะ จะสัพเพทวาปีสาเจวะ อาฬะวะกาทะโยปิยะขัคคัง ตาละปัตตัง ทิสวา
สัพเพยักขาปะลายันติ สักกัสสะ วะชิราวุธังเวสสุวัณณัสสะ คะธาวุธังอะฬะวะกัสสะ
ทุสาวุธังยะมะนัสสะ นะยะนาวุธังอิเมทิสวา สัพเพยักขา ปะลายันติ
( อันนี้ คงไม่ต้อง ให้บรรยายสรรพคุณ หรอกนะครับ)
คาถาป้องกันตัว
ปัญจะมัง สิระสังชาตัง นะกาโร โหติ สัมภะโวพินธุ ทัณฑะ เภทะ อังกุ สิริ นะโมพุทธายะ
(ใช้ท่องภาวนาเป่าใส่มือ แล้วตบมือดังๆ จะทำให้ปลอดภัยจากอันตรายไม่ว่าคนหรือสัตว์)
คาถาข่มศัตรู
ตะโต โพธิสัตโต ราชะสิงโหวะมหิทธิโกอะระหัง ตะมัตทังปะกาเสนโตราชะสิงโห สัตถาอาหะ
นะโมพุทธายะ นะมามิสุคะตังชินัง
(บริกรรมคาถา นี้ ๓ จบ ก่อนออกไป พบศัตรู แล้วกระทืบเท้าดังๆ ก่อนออกจากบ้าน จะทำให้ศัตรูเกรงกลัว )
คาถาหนังเหนียว
สุกิตติมา สุภาจาโร สุสีละวา สุปากะโต อัสสะสิมา วะเจธะโร เกสะ โรวา อะสัมภิโต
(สวดภาวนาคาถา แล้วเสกน้ำมัน ถู ตามร่างกาย ก่อน ไปต่อสู้)
คาถาหมัดหนัก
โสภะคะวา อะทิสะมานิ อุเทยยัง คัจฉันตัพพังสังลารัง ปะระมัง สุขัง
นะลัพภะติมหาสูญโญ จะสัมภะโต สังสาเร อานังคัจฉันติ
(เมื่อจำเป็นต้องต่อสู้ ก็ ท่องคาถานี้ เพื่อให้ อานุภาพของหมัด หนัก ขึ้น)
หมายเหตุ ทั้งหมด นี้ ต้องอาศัย สมาธิ ความตั้งใจจริงแน่วแน่ อย่างแรงกล้า
สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งกำหนด ความมีอานุภาพ ของ คาถา ข้างต้น
และที่สำคัญ ต้อง ไม่ ไปใช้กับ คนที่มีเจ้าของแล้ว นอกจากเขาเลิกกันแล้ว เท่านั้น
คาถาเสกขี้ผึ้ง
มทุจิตตัง สุวามุปขังทิตสวานิมามัง ปิยังมะมะเมตตา ชิวหายะมะ ทุรังทะตวาจาจัง สุตทังสุตตะวา
สัพเพชะนาพะ หุชะนาอิตถีชะนาสัมมะนุนะ พรามมะนา นุนะปะสังสันติ
(ท่องคาถานี้ เสก กับขี้ผึ้ง หรือ วาสลีน หรือ ลิปสติก ทาปาก เพื่อให้ เขารักใคร่ ท่าน )
คาถาสาริกาลิ้นทอง
พุทธา อะเนนา มะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธา อิริมะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิรปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ อุนาโลมา ปันนะ วิชายะเต
(ท่อง ให้จบ บรรทัดแรก แล้วเอามือแตะลิ้น แล้วท่อง บรรทัดที่สองต่อได้เลย
ท่องเพื่อให้ คนนิยมชมชอบ จากคำพูดของท่านเอง )
คาถามัดใจ
พุทธัง รัตตะนัง ธัมมัง รัตตะนัง สังฆัง รัตตะนัง นะผูก โมมัด พุทรัด ธารึง ยะกรึงคะเร โอมสวาหะ
(ใช้สวดภาวนาก่อนนอน ทำให้คนที่ท่านรักคิดถึงท่าน)
คาถาผูกใจคน
โอมนะโมพุทธะ นะ มะ อะ อุ เอหิชัยยะ เอหิสัพเพชะนา พะหูชะนา เอหิ
(ใช้เสกกับแป้งหรือน้ำหอมก็ได้ เพื่อให้ คนรัก คนชอบ เยอะๆ)
คาถาใจอ่อน
ปัญจะมังสิระสังชาตัง นะอตใจ นะกาโร โหติ สัมภะโวตรีนิกัตวานะ นะ การัง ปัญจะสัมภะวัง
(ใช้ท่องก่อน ที่จะไปเจรจา ไม่ว่าจะเรื่องใด ก็ตาม คนที่ท่านไปเจรจา จะ ใจอ่อน ผ่อนปรนให้กับท่าน)
คาถามหาเสน่ห์
จันโทอะภกันตะโรปิติ ปิโย เทวะมนุสสานังอิตภิโยปุริ โสมะ อะ อุ อุ มะ อะ อิสวาสุ อิกะวิติ
(ให้ภาวนาคาถานี้ ๓ จบก่อนออกไปพบคนที่ท่านรัก จะทำให้เขาเกิดความรักใคร่ในตัวท่าน)
คาถาขุนแผน
เอหิมะมะ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ
(ใช้ท่อง เสกใส่ ของที่ ท่าน มักเอาติดต่อ ประจำ ไม่ว่าไปที่ไหน
จะทำให้มีแต่คนหลงใหล)
คาถารักแท้
โอมนะโมพุทธายะ พุทธัง สะระติ ธัมมัง สะระติ
สังฆัง สะระติจิตตังสะมาเรมะมะเอทิ เอหิชัยยะ เอหิสัพเพชะนา พะหูชะนา เอหิ
(ให้บริกรรมคาถานี้กับลูกอม หรือ ของขบเคี้ยว แล้วอมไว้
ในขณะที่คุยกับคนที่ท่าน รัก จะทำให้เขาคนนั้นเกิดความรักจริงจังขึ้นมากับท่าน)
คาถาป้องกันผี
นะโมพุทธายะ มะพะ ทะนะ ภะ กะ สะ จะสัพเพทวาปีสาเจวะ อาฬะวะกาทะโยปิยะขัคคัง ตาละปัตตัง ทิสวา
สัพเพยักขาปะลายันติ สักกัสสะ วะชิราวุธังเวสสุวัณณัสสะ คะธาวุธังอะฬะวะกัสสะ
ทุสาวุธังยะมะนัสสะ นะยะนาวุธังอิเมทิสวา สัพเพยักขา ปะลายันติ
( อันนี้ คงไม่ต้อง ให้บรรยายสรรพคุณ หรอกนะครับ)
คาถาป้องกันตัว
ปัญจะมัง สิระสังชาตัง นะกาโร โหติ สัมภะโวพินธุ ทัณฑะ เภทะ อังกุ สิริ นะโมพุทธายะ
(ใช้ท่องภาวนาเป่าใส่มือ แล้วตบมือดังๆ จะทำให้ปลอดภัยจากอันตรายไม่ว่าคนหรือสัตว์)
คาถาข่มศัตรู
ตะโต โพธิสัตโต ราชะสิงโหวะมหิทธิโกอะระหัง ตะมัตทังปะกาเสนโตราชะสิงโห สัตถาอาหะ
นะโมพุทธายะ นะมามิสุคะตังชินัง
(บริกรรมคาถา นี้ ๓ จบ ก่อนออกไป พบศัตรู แล้วกระทืบเท้าดังๆ ก่อนออกจากบ้าน จะทำให้ศัตรูเกรงกลัว )
คาถาหนังเหนียว
สุกิตติมา สุภาจาโร สุสีละวา สุปากะโต อัสสะสิมา วะเจธะโร เกสะ โรวา อะสัมภิโต
(สวดภาวนาคาถา แล้วเสกน้ำมัน ถู ตามร่างกาย ก่อน ไปต่อสู้)
คาถาหมัดหนัก
โสภะคะวา อะทิสะมานิ อุเทยยัง คัจฉันตัพพังสังลารัง ปะระมัง สุขัง
นะลัพภะติมหาสูญโญ จะสัมภะโต สังสาเร อานังคัจฉันติ
(เมื่อจำเป็นต้องต่อสู้ ก็ ท่องคาถานี้ เพื่อให้ อานุภาพของหมัด หนัก ขึ้น)
หมายเหตุ ทั้งหมด นี้ ต้องอาศัย สมาธิ ความตั้งใจจริงแน่วแน่ อย่างแรงกล้า
สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งกำหนด ความมีอานุภาพ ของ คาถา ข้างต้น
และที่สำคัญ ต้อง ไม่ ไปใช้กับ คนที่มีเจ้าของแล้ว นอกจากเขาเลิกกันแล้ว เท่านั้น
Sunday, January 7, 2007
Xmms ubuntu อ่านเพลงไทยไม่รู้เรื่อง
Hi ^^
พยายามแก้มาตั้งนานครับก็เข้าไปที่เว็บเดิมๆ ที่เข้าประจำครับ (ubuntuclub.com) พอดีเค้าตั้งกระทู้ถามกันเราก็เลยพลอยได้ความรู้ด้วยครับ
sudo apt-get install xfonts-thai-nectec
ปรับ Preference xmms ซักกะหน่อยก็ใช้ภาษาไทยได้แหละ
พยายามแก้มาตั้งนานครับก็เข้าไปที่เว็บเดิมๆ ที่เข้าประจำครับ (ubuntuclub.com) พอดีเค้าตั้งกระทู้ถามกันเราก็เลยพลอยได้ความรู้ด้วยครับ
sudo apt-get install xfonts-thai-nectec
ปรับ Preference xmms ซักกะหน่อยก็ใช้ภาษาไทยได้แหละ
linux ตัวอักษรอ่านไม่รู้เรื่องครับ
Hi ^^
ปัญหา
- เมื่อเราติดตั้งลินุกซ์บนเครื่องที่มี os อื่นอยู่แล้ว ลินุกซ์บางตัวจะ mount ให้โดยอัตโนมัติ แล้วเมื่อเราเข้าไปใช้งานไดรว์ที่มัน mount ให้เราก็ปรากฏชื่อไฟล์อาไรก็ม่ายรู้ บางไฟล์เป็น ???? แบบนี้ก็มี
- หรือ เมื่อเรานำแผ่น ซีดีอาร์ ไปเปิด ก็เป็นเหมือนกัน
สาเหตุ
- การเข้ารหัสภาษาไม่ตรงกัน
วิธีแก้ปัญหา
- ให้เราเข้าไปแก้ไขที่ ไฟล์ /etc/fstab ครับ
/dev/sda1 /media/win1 vfat umask=0000,iocharset=utf8 0 0
- ถ้ามันอ่านไม่รู้เรื่องอีกก็เปลี่ยนไอ้ตัวสีแดง เป็น iocharset=tis-620 แทนครับ
- ถ้าอ่านไม่รู้เรื่องอีกก็คงเป็นที่สาเหตุอย่างอื่นอ่ะนะ
-เราสามารถทำเช่นนี้กับ อุปกรณ์อย่างอื่นได้เช่นเดี่ยวกันเช่น ซีดีรอมของเราครับ
ความรู้ดีๆ แบบนี้ได้มาจาก ubuntuclub.com
ปัญหา
- เมื่อเราติดตั้งลินุกซ์บนเครื่องที่มี os อื่นอยู่แล้ว ลินุกซ์บางตัวจะ mount ให้โดยอัตโนมัติ แล้วเมื่อเราเข้าไปใช้งานไดรว์ที่มัน mount ให้เราก็ปรากฏชื่อไฟล์อาไรก็ม่ายรู้ บางไฟล์เป็น ???? แบบนี้ก็มี
- หรือ เมื่อเรานำแผ่น ซีดีอาร์ ไปเปิด ก็เป็นเหมือนกัน
สาเหตุ
- การเข้ารหัสภาษาไม่ตรงกัน
วิธีแก้ปัญหา
- ให้เราเข้าไปแก้ไขที่ ไฟล์ /etc/fstab ครับ
/dev/sda1 /media/win1 vfat umask=0000,iocharset=utf8 0 0
- ถ้ามันอ่านไม่รู้เรื่องอีกก็เปลี่ยนไอ้ตัวสีแดง เป็น iocharset=tis-620 แทนครับ
- ถ้าอ่านไม่รู้เรื่องอีกก็คงเป็นที่สาเหตุอย่างอื่นอ่ะนะ
-เราสามารถทำเช่นนี้กับ อุปกรณ์อย่างอื่นได้เช่นเดี่ยวกันเช่น ซีดีรอมของเราครับ
ความรู้ดีๆ แบบนี้ได้มาจาก ubuntuclub.com
Install fonts to linux
Hi ^^
2 way
- share every user in system /usr/share/fonts
- for only each user /home/user/.fonts
begin
- u can copy folder of fonts to follow path
/usr/share/fonts or /home/user/.fonts
- config fonts.cache-1 in folder /usr/share/fonts
exam
if font folder name is "thai"
u append this word into fonts.cache-1
"truetype" 0 ".dir"
"type1" 0 ".dir"
"X11" 0 ".dir"
"bitmap-fonts" 0 ".dir"
"bitstream-vera" 0 ".dir"
"thai" 0 ".dir"
- and save file
- restart
- Start -> Perference -> font
this list have your fonts
2 way
- share every user in system /usr/share/fonts
- for only each user /home/user/.fonts
begin
- u can copy folder of fonts to follow path
/usr/share/fonts or /home/user/.fonts
- config fonts.cache-1 in folder /usr/share/fonts
exam
if font folder name is "thai"
u append this word into fonts.cache-1
"truetype" 0 ".dir"
"type1" 0 ".dir"
"X11" 0 ".dir"
"bitmap-fonts" 0 ".dir"
"bitstream-vera" 0 ".dir"
"thai" 0 ".dir"
- and save file
- restart
- Start -> Perference -> font
this list have your fonts
Subscribe to:
Posts (Atom)
Popular Posts
-
Font เลือกเป็น Wingdings 2 เครื่องหมายถูก Shift + P เครื่องหมายผิด Shift + O ซึ่งเราสามารถใช้ Font Wingdings 2 ใน OpenOffice เพื่อเพิ่มเครื...
-
คือเครื่องเสียงในบ้าน เป็นแบบมีรู Microphone 3 รูและ AUX (เสียงเข้าเครื่องเสียง) 2 ชุด มีไมค์ 1 ตัวและ AUX 1 ชุดเสียบสาย ปัญหาคือ พอเปิด ไม...
-
ขั้นแรกต้องตั้งค่าซองก่อนโดยไปที่ menu tab Start Mail Merge => Envelopes เลือก template size ได้ตามต้องการ หรือจะกำหนดขนาดเองเลยโดยเลือก ...
-
http://football.sodazaa.com/
-
ที่มา : http://www.pcthailand.com/th/index.php?option=com_content&view=article&id=64:-regedit-&catid=40:2009-07-02-10-59-36...
-
ปัญหาคือ เราเข้าเว็บไซต์ อันนี้แล้ว ปัญหาภาษาไทย มันแสดงเป็นต่างดาวซะงั้น Solved Options => Under the Hood => Web Content ค...
-
คือ จะใช้ printer ที่เค้าแชร์ไว้ แต่มันดันถาม User, password ซะงั้น ทั้งที่ Enable Guest แล้วนะ ไม่รู้ Guest เครื่องนั้นมีใครไปตั้งรหัสให้หร...
-
This summary is not available. Please click here to view the post.
-
อ้างอิง - http://www.sysnetcenter.com/board/index.php?topic=2028.0 <== อ่านเข้าใจง่าย ประเด็นมีอยู่ว่า เพื่อนที่ทำงานแนะนำ AP แบบ ใช้สำ...
-
nvarchar กับ varchar จะต่างกันตรง nvarchar จะเก็บตัวอักษรที่ใช้ code เป็น unicode ได้ ซึ่ง 1 ตัวอักษรจะใช้แค่ 2 byte ในการเก็บส่วน varchar...