Sunday, October 31, 2010

Sovled can't change external hard drive permissions

  • Ubuntu กับ External drive ปกติเสียบปุ๊ปเปิดได้ปั๊ป
  • แต่พยายามแชร์ External drive ด้วย SAMBA เครื่อง client เห็นแต่เข้าถึงไม่ได้เนื่องจาก permission ไม่พอ
  • พยายามแก้ด้วยคำสั่ง sudo chmod 777 /media/external แล้ว มันก็ไม่เปลี่ยน หรือ sudo chown root /media/external มันก็ไม่เปลี่ยนให้
  • ภาพประกอบคือพยายามเปลี่ยนทั้งสิทธิ์และเจ้าของมันเปลี่ยนไม่ได้สักที
  • ค้นหาข้อมูลเพื่อแชร์ไฟล์ external drive เจอประมาณนี้ เค้าแนะนำให้ mount เอง

Solved
  • สมมุติ external drive เราคือ /dev/sdb1 (สามารถตรวจสอบด้วยคำสั่ง df บน terminal) และพาธที่เราจะ mount คือ /media/WD
  • ขั้นแรก unmount ก่อนเลย
sudo umount /media/WD
  • จากนั้นทำการ mount เองด้วยคำสั่ง
sudo mkdir /media/WD

sudo mount -o uid=root,gid=root /dev/sdb1 /media/WD
  • สิทธิ์ก็จะได้ดังภาพด้านล่างคือ 777 แค่นี้เราก็แชร์ External drive ผ่าน SAMBA ได้แหละ แต่ทำไมพยายามเปลี่ยนสิทธิ์หรือเจ้าของ มันก็ยังเปลี่ยนไม่ได้หว่า - -' แต่ไม่เป็นไรแชร์ไฟล์ได้ก็พอแล้ว

Refer

Saturday, October 30, 2010

Fix ugly plymouth logo on ubuntu 10.10 maverick meerkat for nvidia and ATI drivers

  • ติดตั้งโปรแกรมเพิ่ม
sudo apt-get update && sudo apt-get install v86d
  • คอนฟิก Grub (ก่อนแก้ไขอย่าลืมกันเหนียวไว้ก่อน)
sudo gedit /etc/default/grub
  • หาบรรทัดประมาณนี้
GRUB_CMDLINE_LINUX_DEFAULT="quiet splash"
  • แทนที่ด้วย
GRUB_CMDLINE_LINUX_DEFAULT="quiet splash nomodeset video=uvesafb:mode_option=1280x1024-24,mtrr=3,scroll=ywrap"
  • หรือ ถ้ามีปัญหากับ SATA เรื่องบูตระบบแล้วค้างให้เราเติม pci=nomsi แทน nomodeset เพิ่มไปประมาณนี้
GRUB_CMDLINE_LINUX_DEFAULT="quiet splash pci=nomsi video=uvesafb:mode_option=1280x1024-24,mtrr=3,scroll=ywrap"
  • หาบรรทัดประมาณนี้ เอาเครื่องหมาย # ออกเพื่อเปิดคอมเม้น
#GRUB_GFXMODE=640x480
  • โดยแก้ใหม่เป็น
GRUB_GFXMODE=1280x1024
  • บันทึกไฟล์และปิด Gedit ซะ
  • จากนั้นเปิด initramfs module ขึ้นมาแก้ไขด้วยคำสั่ง
sudo gedit /etc/initramfs-tools/modules
  • เติมข้อความนี้ต่อจากบรรทัดสุดท้ายของไฟล์ (ขึ้นบรรทัดใหม่ต่อจากบรรทัดสุดท้าย)
uvesafb mode_option=1280x1024-24 mtrr=3 scroll=ywrap
  • บันทึกและปิด Gedit
  • ต่อด้วยคำสั่งนี้
echo FRAMEBUFFER=y | sudo tee /etc/initramfs-tools/conf.d/splash
  • คำสั่งสุดท้าย
sudo update-grub2 && sudo update-initramfs -u
  • จบครับพี่น้อง Plymouth เราก็จะกลับมาเล็กสวยงามดังที่ควรจะเป็น

เกี่ยวข้อง

อ้างอิง

ปัญหาระหว่าง SATA กับ Ubuntu 10.10 Maverick

อ้างอิง
  • Notebook ASUS F81SeVX200D (Chipset SIS 671MX , Intel Core2@T6500 2.1Ghz,
    Seagate 320GB, Kingston DDR2 4GB Dual Chanel bus 800 , ATI HD4570 512MB)
  • Ubuntu 10.10 Desktop 32bit
  • ติดตั้งด้วย USB Live ที่สร้างจาก USB Creator บน Ubuntu 10.04

ปัญหาที่ 1
  • ติดตั้ง Ubuntu 10.10 ไม่ได้ (ด้วย CD หรือ USB) ปัญหาคือ มันโหลดไปถึงหน้าที่มีแค่ cursor กระพริบด้าน ซ้ายบน

วิธีแก้ปัญหาที่ 1
  • ตอนติดตั้ง(หน้าเลือกว่าจะ Try หรือ Install เลย หรือ Check mem หรือ Boot hardisk) สมมุติในที่นี้เราเลือก Install Ubuntu ก็แล้วกัน
  • จากนั้นให้เรากด F6 จะมี Popup สักอย่างขึ้นมา และกด ESC เพื่อเอา Popup นั้นออก เราจะเห็น Boot Options มองหาคำว่า "quiet splash" ลบออกซะ และใส่คำนี้แทน "pci=nomsi" จากนั้นกด Enter เพื่อทำการบูตเพื่อจะติดตั้ง เราก็จะสามารถทำการติดตั้งได้ เป็นปกติ

ปัญหาที่ 2
  • หลัง จากติดตั้งเรียบร้อย จะทำการเข้าระบบ Ubuntu เลือก OS ในหน้า Grub เสร็จ อาการมันเป็นเหมือนเดิมคือ มี cursor กระพริบที่ด้านซ้ายบน เหมือนปัญหาตอนติดตั้งแป๊ะเลย

วิธีแก้ปัญหาที่ 2
  • เมื่อ เปิดเครื่องเข้าหน้า Grub ให้เรากด E เพื่อแก้ไข Grub มองหาคำว่า "quiet splash" ลบมันออกเช่นเดิมและใส่คำว่า "pci=nomsi" จากนั้นกด Ctrl + X เพื่อบูตเข้าระบบ Ubuntu เรา
  • หรือถ้า ถ้าไม่พบ quiet splash เนื่องจากสาเหตุอื่นๆ ให้เราเติม pci=nomsi ต่อประมาณบรรทัดที่ 7 (เว้นวรรคด้วย) จึงกด Ctrl + X เพื่อเข้าสู่ระบบอีกที
  • หลังจากเข้าระบบได้แล้วให้เราไปแก้ไข grub
sudo gedit /etc/default/grub
  • มองหาคำว่า "quiet splash" ลบออก และ แทนด้วยคำว่า "pci=nomsi" หรือ จะลบออกเลยโดยปล่อยว่างก็ได้เช่นกัน ในกรณีไม่เอา Plymouth นะ
GRUB_CMDLINE_LINUX_DEFAULT="quiet splash"
  • แก้ไหม่เป็น
GRUB_CMDLINE_LINUX_DEFAULT="pci=nomsi"
  • จากนั้น save ไฟล์ grub เราซะและทำการ update ด้วยคำสั่ง
sudo update-grub
  • เป็นอันเรียบร้อย เมื่อเราบูตระบบใหม่ เราก็จะเข้าะระบบได้ปกติแหละ

เพิ่มเติม
  • หลังจากลองทำพบว่า เมื่อแก้ไข /etc/default/grub โดยใช้ "pci=nomsi" แทนคำว่า "quiet splash" ไอ้ตัว Boot Logo (Plymouth) เราไม่มีเลย (activated ati แล้ว)

นิดหน่อย
  • การแก้ไข grub จากเดิมไม่แนะนำปล่อยว่างแบบนี้
GRUB_CMDLINE_LINUX_DEFAULT=""
  • เพราะ รู้สึกว่า ASUS ที่ใช้ลองมันค้างที่คำประมาณ registered แล้วมันก็ไม่ไปต่อ
    หรืออยากให้แสดง Plymouth ก็ให้ใส่ประมาณ
GRUB_CMDLINE_LINUX_DEFAULT="quiet pci=nomsi splash"
  • หรือแบบนี้ก็น่าจะได้เช่นกัน
GRUB_CMDLINE_LINUX_DEFAULT="quiet splash pci=nomsi"

สรุปปัญหา

  • เค้าบอกว่าเกิดจาก SATA กับ maverick

เกี่ยวข้อง
  • อันนี้เป็นการติดตั้ง Ubuntu 10.04 Lucid ซึ่งติดตั้งด้วย USB Live ไม่เป็นหว่า
  • http://forum.ubuntuclub.com/forum/topic,14842.0.html
  • จึงต้องเลี่ยงไปใช้วิธีดั้งเดิมด้วย Live CD
  • แต่เค้าก็แนะนำวิธีที่สามารถทำให้ติดตั้งด้วย USB Live ได้แต่เรายังไม่ได้ลอง

ที่มา

Change Plymouth themes (initial splash screen) in Ubuntu 10.10 Maverick

  • เปิด terminal ขึ้นมา
  • ค้นหา plymouth ที่อยู่ใน repo ที่เรามีอยู่
apt-cache search plymouth-theme
  • ผลลัพธ์อ้างอิงบนเครื่องตัวเอง
plymouth-theme-kubuntu-logo
plymouth-theme-kubuntu-text
plymouth-theme-ubuntu-logo
plymouth-theme-ubuntu-text
mythbuntu-default-settings
plymouth-theme-fade-in
plymouth-theme-glow
plymouth-theme-lubuntu-logo
plymouth-theme-sabily
plymouth-theme-script
plymouth-theme-solar
plymouth-theme-spinfinity
plymouth-theme-text
plymouth-theme-ubuntustudio
plymouth-theme-xubuntu-logo
xubuntu-plymouth-theme
  • ติดตั้งด้วยคำสั่ง
sudo apt-get install plymouth-theme-ubuntustudio
  • เปลี่ยน plymouth ด้วยคำสั่ง เมื่อรันคำสั่งโปรแกรมจะให้เราเลือกหมายเลข Plymouth และกด Enter เป็นการยืนยัน
sudo update-alternatives --config default.plymouth
  • ทำการอัพเดทให้เรียบร้อย
sudo update-initramfs -u

เกี่ยวข้อง

อ้างอิง

Friday, October 29, 2010

Keyboard Layout Switcher in Lubuntu

Solved
  • คลิกขวาที่ Panel ด้านล่างคลิกที่ Add / Remove Panel Items
  • ไปทีแท๊ป Panel Applets และคลิกที่ System Tray ตามด้วยคลิก Add
  • เลื่อนลงไปหา Keyboard Layout Switcher
  • เราก็จะได้ Keyboard Layout Switcher ที่ด้านขวาล่างดังภาพ

Chromium Thai บน Linux แจ่มๆ

1. chromium thai รุ่น Dev (พัฒนา)

chromium-thai-ppa

sudo apt-add-repository ppa:thai/chromium-thai-ppa

sudo apt-get update

sudo apt-get install chromium-browser

2.chromium thai รุ่น Stable (เสถียร)
chromium-thai-stable

sudo apt-add-repository ppa:thai/chromium-thai-stable

sudo apt-get update

sudo apt-get install chromium-browser

patch by @nattster & @lewcpe
ทั้งสอง repository อยู่ในการดูแลของทีม chromium-thai ( @nattster , @lewcpe and @aborigines)

Hack Facebook or Twitter by Add-ons Firefox "Firesheep"

เกี่ยวกับ Bashrc ใน Ubuntu 10.10 Maverick

  • ไฟล์เกี่ยวกับ bashrc เนี๋ย เคยใช้ตอน export (ตั้งพาธ) หรือใช้ alias (ชื่อเล่นคำสั่ง)
  • โดยปกติจะตั้งที่ ~/.bashrc ของ user นั้นๆ
  • แต่เราสามารถตั้งค่าให้ใช้ได้กับทุกคน ที่ไฟล์
# System-wide .bashrc file for interactive bash(1) shells.
/etc/bash.bashrc
  • ส่วน .profile เราก็สามารถใส่ alias ในนี้ได้เช่นกันเพราะมันก็จะไปเรียก .bashrc ใช้งานอีกทอด
  • อีกอย่างคือ .profile จะไม่ถูกเรียกใช้งานถ้ามีไฟล์ .bash_profile หรือ .bash_login ซึ่งไฟล์ประมาณนี้จะพบได้ใน distro อื่นๆ หรือ ubuntu รุ่นเก่าสักหน่อย
  • .profile จะเป็น login shells เช่น การใช้ ssh remote เข้ามา
# ~/.profile: executed by the command interpreter for login shells.
# This file is not read by bash(1), if ~/.bash_profile or ~/.bash_login
~/.profile
  • ส่วน .bashrc จะเป็น non-login shells ประมาณว่า shell ที่เราเรียกใช้งานบน X (Desktop Enviroment) อธิบายง่ายๆ คือ ตอนเราเปิด terminal ขึ้นมา .bashrc จะทำงานนั่นเอง
# ~/.bashrc: executed by bash(1) for non-login shells.
~/.bashrc
  • มีอีกไฟล์ที่น่าสนใจคือ .bash_logout มันจะทำงานตอน longin shell ได้ทำการ logout ออกไป
# ~/.bash_logout: executed by bash(1) when login shell exits.
~/.bash_logout
  • ส่วน bash_history จะเก็บคำสั่งที่เราใช้ผ่าน terminal ไว้ มีประโยชน์ตอนเรากด Tab ไง มันจะเก็บของ user แต่ละ user ของใครของมันว่างั้น
~/.bash_history

อ้างอิง
  • Ubuntu 10.10 Maverick
  • http://forum.ubuntuclub.com/forum?topic=432.0
  • http://rapin241.multiply.com/journal/item/80/.bashrc

Install LXDE (Lubuntu) in Ubuntu 10.10 Maverick

  • อันนี้เป็น Desktop Enviroment ของ Lubuntu
  • เราสามารถติดตั้งด้วยคำสั่งประมาณนี้
sudo apt-get install lubuntu-desktop
  • ซึ่งหน้า Login จะมีให้เลือกทั้ง Lubuntu หรือ Lubuntu Netbook หรือ LXDE

Related

Install XFCE in Ubuntu 10.10 Maverick

  • ติดตั้งด้วย synaptic manager ให้เราค้นหา xfce4
  • หรือด้วยคำสั่งก็จะได้ประมาณนี้
sudo apt-get install xfce4

Related

Install KDE in Ubuntu 10.10 Maverick

  • ทดลองใช้ Desktop Enviroment หลายๆ แบบ
  • ตอนนี้เป็นการคิวของ KDE บน Ubuntu Maverick แล้ว
  • ติดตั้งด้วยคำสั่ง
sudo apt-get install kde-standard
  • ดูภาพประกอบอันนี้ติดตั้งด้วย Synaptic Manager

Related

Refer
  • http://akedemo.wordpress.com/2010/10/27/first-waves-of-reaction-on-ubuntu-unity-decision/
  • http://www.psychocats.net/ubuntu/kde
  • http://psychocats.net/ubuntu/xubuntu

Install Unity in Ubuntu 10.10 Maverick

  • ภาพประกอบด้านบนเป็นการติดตั้งด้วย Ubuntu Software Center และค้นหาด้วยคำว่า ubuntu-netbook เราจะได้ดังภาพ ติดตั้ง Ubuntu Netbook System
  • เพราะ Ubuntu 11.04 เค้าจะหันไปใช้ Unity อ่ะนะก็ต้องหัดใช้ก่อนเป็นธรรมดา
  • ใช้คำสั่งประมาณนี้เลย
sudo apt-get install ubuntu-netbook
  • ออกจากระบบและเข้าระบบใหม่ด้วย Ubuntu Netbook Edition

ที่มา

  • http://forum.ubuntuclub.com/forum/topic,18148.0.html
  • http://akedemo.wordpress.com/2010/10/27/first-waves-of-reaction-on-ubuntu-unity-decision/

Mirror for download Ubuntu in Thailand

คู่มือ Blender ภาษาไทย

10 things to do after install Ubuntu 10.10

Turn off MEMTEST86+ and recovery mode of grub2

  • มันเยอะเกินไปสำหรับหน้า Grub เรา
  • จะเอามันออกไปบ้างทำไงดี

Turn Off "Recovery Mode"

  • เปิดไฟล์ /etc/default/grub ขึ้นมาด้วยคำสั่ง
sudo gedit /etc/default/grub
  • เอาเครื่องหมาย # ตรงประมาณบรรทัดที่ 29 ออก จะได้ประมาณนี้
GRUB_DISABLE_LINUX_RECOVERY="true"
  • บันทึกและอัพเดท Grub ด้วยคำสั่ง
sudo update-grub
  • ต้องการให้มี "Recovery Mode" เช่นเดิมก็แค่ใส่ # กลับคืน บันทึกไฟล์และ update-grub

Turn Off "MEMTEST86+"
  • พิมพ์ตามคำสั่งนี้เลย
sudo chmod -x /etc/grub.d/20_memtest86+
  • และทำการอัพเดท Grub เป็นอันเรียบร้อย
sudo update-grub
  • ต้องการให้มี "MEMTEST86+" ก็แค่เปลี่ยนเครื่องหมาย - เป็น + และ update-grub เป็นอันเรียบร้อย

Refer
  • http://ubuntuforums.org/showthread.php?t=1287602
  • http://hiddenmin.blogspot.com/
  • http://ubuntuforums.org/showpost.php?p=9418095&postcount=2

Thursday, October 28, 2010

Install new theme for docky in Ubuntu

  • โหลดไฟล์ theme ของ docky (นามสกุลจะประมาณ .tar ซึ่งจะมี folder theme อยู่ข้างใน) มาไว้บนเครื่องเรา จากนั้นให้แตกไฟล์ (folder ที่อยู่ใน tar) ไปไว้ที่แถวๆ นี้
  • สำหรับแต่ละ user
~/.local/share/docky/themes/
  • หรือจะให้คนอื่นสามารถใช้ theme เราได้ด้วยก็ต้องแตกไว้ที่นี่
/usr/share/docky/themes

อ้างอิง
  • http://gnome-look.org/content/show.php/Trans+Theme+for+Docky?content=117701
  • http://www.linuxnov.com/top-10-docky-themes-gnome-do-dock/
  • http://www.techdrivein.com/2010/10/4-beautiful-docky-themes.html

Wednesday, October 20, 2010

Use BURG instead Grub2

  • Add the BURG PPA:-
sudo add-apt-repository ppa:bean123ch/burg

sudo apt-get update && sudo apt-get install burg burg-themes
  • Install BURG to your Master Boot Record
  • Install burg to your MBR using the command below. Substitute ‘hd0’ with an alternative drive if needed.
sudo burg-install “(hd0)”

or

sudo burg-install “(sda)”
  • Update BURG entries
  • You MUST run this step or you may be left scratching your head upon reboot when nothing shows up
sudo update-burg
  • reboot and when you see the default BURG screen press the ‘t’ button on your keyboard.

Ref

How to install Docky

  • ติดตั้งและใช้งานง่าย ล้ำไปอีก desktop เรา
sudo add-apt-repository ppa:docky-core/ppa

sudo aptitude update

sudo aptitude install docky
  • เมื่อติดตั้งเสร็จโปรแกรมจะอยู่ที่
Applications => Accessories => Docky
  • ซึ่งโปรแกรมจะเพิ่มเข้าไปใน Startup Applications ให้เราอัตโนมัติ

Note
  • ถ้าเครื่องเราไม่มีการ์ดจอ หรือ ยังไม่ได้ activate มันสามารถติดตั้งและใช้งาน docky ได้ ในระดับหนึ่ง แต่มันจะไม่วืบวาบหว่า

Ref

How to remove noise with Audacity

Here: http://www.podtopia.net/gettingstarted/removenoise.shtml

Kill process in linux

2 Way

Kill by process id

  • ค้นหา process id ก่อนด้วยคำสั่ง
ps aux | grep "firefox"
  • อันนี้เหมาะสำหรับคนจำ process name ไม่แม่น จะค้นหาคำใกล้เคียงทุกคำ
  • หรือ ถ้าเราจำชื่อ process ได้แม่นก็ใช้คำสั่งนี้ได้เลย
pidof firefox
  • สมมุติได้ process id เป็น3486
  • ทำลาย pr0cess ด้วยคำสั่ง
kill 3486
  • หรือ
kill -9 3486

Kill by process name
  • การทำลายโดยการอ้างอิงจากชื่อ อันนี้ก็จะชื่อแม่นๆ หน่อย
killall -9 firefox


Ref

Install Ubuntu font family in Lucid Lynx and Karmic Koala

The Ubuntu Font Family has been made default in Ubuntu 10.10, it can be downloaded from Launchpad and there are download links available on http://font.ubuntu.com too, yet the Ubuntu Font PPA is still private which makes it difficult for those not using Ubuntu 10.10 to stay up to date with the latest versions of the font.

Or
sudo add-apt-repository ppa:webupd8team/ubuntu-font-family
sudo apt-get update
sudo apt-get install ttf-ubuntu-font-family
From

Monday, October 18, 2010

Minimize Windows 7 Media Player (WMP12) to Taskbar

  • windows media player ใน windows xp มันทำงี้ได้
  • ใน windows 7 ก็ทำได้เช่นเดียวกัน

Solved
  • ดาวน์โหลดไฟล์นี้ก่อนเลย 32-bit: wmpband-x86.zip หรือ 64-bit: wmpband-x64.zip
  • ในไฟล์ซิปจะมีแค่ .dll ไฟล์เดียวให้เราแตกไฟล์ไปที่ C:\Program Files\Windows Media Player
  • กดปุ่ม Ctrl + R พิมพ์ services.msc ให้เรา stop service ที่ชื่อ Windows Media Player Network Sharing Service
  • หลังจาก Stop Service แล้ว จากนั้นทำการลงทะเบียน dll ของเราโดยพิมพ์คำสั่ง ใน cmd (Run As Admin)
regsvr32 “%ProgramFiles%\Windows Media Player\wmpband.dll”
  • จากนั้นให้เราไป Start Service ชื่อ Windows Media Player Network Sharing Service อีกครั้ง
  • ที่นี้เมื่อเราคลิกขวาที่ Task bar และไปที Toolbars เราจะพบเมนูที่เราต้องการแล้ว
  • มันมี isn't compatible ก็ yes ซะ พอถูไถไปได้น่า
  • เซงอย่างคือ เมื่อเราเปิดหนังดู จอเล็กที่ Task bar มันไม่แสดงภาพหว่า

เพิ่มเติม
  • อีกวิธีคือ คัดลอก dll ของ media player ของ vista มาทับที่ win 7 เลย

อ้างอิง

Friday, October 15, 2010

Game Booster แก้ปัญหาเกมส์กระตุก

  • เล่น PES2011 มันกระตุกเป็นพักๆ
  • คือ เปิดเกมส์เล่นสัก 10 นาทีไม่กระตุก
  • แต่พอผ่าน 10 นาทีไปแล้วเริ่มมีอาการกระตุก นักฟุตบอล ขยับช้ามาก
  • พอเล่นไปอีกสักสักพัก เกมส์ก็กลับมาเล่นได้ปกติ และ สักหน่อยก็กระตุกอีกแหละ งง
  • หาข้อมูลดูเห็นเค้าคุยเกี่ยวกับ Game Booster
  • จึงทดลองโหลดมาลงเครื่องตัวเอง ผมปรากฏว่า ยังกระตุกเหมือนเดิมแต่กระตุกน้อยครั้งกว่าเดิมอยู่
  • เท่าที่ลองใช้ดูโปรแกรมมันจะไปเลือก RAM จากโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้งานกลับคืนให้ระบบ
  • สรุปคือ เครื่องเราสเปกไม่ถึงหว่า แต่ Game Booster ก็พอช่วยให้อาการกระตุกลดลงบ้าง ดีกว่าเราไม่ทำอาไรเลย

อ้างอิง

Clonezilla โปรแกรม Ghost ฝั่ง Open Source

What is Clonezilla ? clonezilla logo

You're probably familiar with the popular proprietary commercial package Norton Ghost®. The problem with these kind of software packages is that it takes a lot of time to massively clone systems to many computers. You've probably also heard of Symantec's solution to this problem, Symantec Ghost Corporate Edition® with multicasting. Well, now there is an OpenSource clone system (OCS) solution called Clonezilla with unicasting and multicasting!

Clonezilla, based on DRBL, Partclone and udpcast, allows you to do bare metal backup and recovery. Two types of Clonezilla are available, Clonezilla live and Clonezilla SE (server edition). Clonezilla live is suitable for single machine backup and restore. While Clonezilla SE is for massive deployment, it can clone many (40 plus!) computers simultaneously. Clonezilla saves and restores only used blocks in the harddisk. This increases the clone efficiency. At the NCHC's Classroom C, Clonezilla SE was used to clone 41 computers simultaneously. It took only about 10 minutes to clone a 5.6 GBytes system image to all 41 computers via multicasting!

Features of Clonezilla

  • Free (GPL) Software.
  • Filesystem supported: (1) ext2, ext3, ext4, reiserfs, reiser4, xfs, jfs of GNU/Linux, (2) FAT, NTFS of MS Windows, (3) HFS+ of Mac OS, (4) UFS of FreeBSD, NetBSD, and OpenBSD, and (5) VMFS of VMWare ESX. Therefore you can clone GNU/Linux, MS windows, Intel-based Mac OS, and FreeBSD, NetBSD, and OpenBSD, no matter it's 32-bit (x86) or 64-bit (x86-64) OS. For these file systems, only used blocks in partition are saved and restored. For unsupported file system, sector-to-sector copy is done by dd in Clonezilla.
  • LVM2 (LVM version 1 is not) under GNU/Linux is supported.
  • Grub (version 1 and version 2) is supported.
  • Multicast is supported in Clonezilla SE, which is suitable for massively clone. You can also remotely use it to save or restore a bunch of computers if PXE and Wake-on-LAN are supported in your clients.
  • Based on Partclone (default), Partimage (optional), ntfsclone (optional), or dd to image or clone a partition. However, Clonezilla, containing some other programs, can save and restore not only partitions, but also a whole disk.
  • By using another free software drbl-winroll, which is also developed by us, the hostname, group, and SID of cloned MS windows machine can be automatically changed.

Limitations

  • The destination partition must be equal or larger than the source one.
  • Differential/incremental backup is not implemented yet.
  • Online imaging/cloning is not implemented yet. The partition to be imaged or cloned has to be unmounted.
  • Software RAID/fake RAID is not supported by default. It's can be done manually only.
  • Due to the image format limitation, the image can not be explored or mounted. You can _NOT_ recovery single file from the image. However, you still have workaround to make it, read this.
  • Recovery Clonezilla live with multiple CDs or DVDs is not implemented yet. Now all the files have to be in one CD or DVD if you choose to create the recovery iso file.

Which Clonezilla Shall I Use ?

  • Clonezilla Live: Clonezilla live allows you to use CD/DVD or USB flash drive to boot and run clonezilla (Unicast only)

  • Clonezilla SE: Clonezilla SE is included in DRBL, therefore a DRBL server must first be set up in order to use Clonezilla to do massively clone (unicast, broadcast and multicast are supported)

Thursday, October 14, 2010

Install mod site to smf

  • เปลี่ยน permission ให้ Packages folder ด้วยคำสั่ง
sudo chmod 777 Packages
  • เปิดเว็บ smf ของเราขึ้นมาเลือกไปที่เมนู ADMIN
  • จากนั้นเมนูด้านขวาเลือก Packages
  • เมนูด้านบนคลิกที่เมนู DOWNLOAD PACKAGES
  • ที่ Upload a Package เรา Browse... ไปหาไฟล์ mod zip
  • กด Browse... และเลือกไฟล์ mod เราซะ
  • จากนั้นคลิกที่ Upload
  • ติดตั้งเรียบร้อย แล้วให้เราคลิกที่ [Apply Mod]
  • เลื่อน scrollbar ลงมาด้านล่างขวาคลิก Install Now
  • อันนี้คือก่อนติดตั้ง Mod Name:OS & Browser Detection
  • อันนี้ติดตั้งและใช้งานเรียบร้อย

Refer

Add activity in Google Calendar via Gcalcli

  • ติดตั้งด้วยคำสั่ง
sudo apt-get install gcalcli
  • การใช้งาน ด้วยคำสั่ง
gcalcli --user <your_user@gmail.com> --pw <your_pass> quick "<Your Title>"
  • ตัวอย่างคำสั่ง
gcalcli --user pongpichit@gmail.com --pw xxx quick "Hello world"
  • หรือจะทำเป็น shell script
#!/bin/bash

export LANG=th_TH.UTF-8
DATE15=`date -d "15 min" +%H:%M%p`
echo "$DATE15 $@"
gcalcli --user --pw quick "$DATE15 $@"

exit 0
  • เรียกใช้งาน shell script
chmod +x sms.sh

sh sms.sh "Hello world"

เพิ่มเติม
  • update เวลาบนเครื่องให้ตรงกับ Google Calendar Server ด้วยโปรแกรม
sudo apt-get install ntpdate
  • ตั้งเวลาให้ตรงโดย
sudo ntpdate pool.ntp.org 0.debian.pool.ntp.org

Not (Yet) Supported (Refer 1.4.2):

  • import meeting.ics Outlook events
  • add (non-quick) events with ability to set reminders, repeat, guests, etc
  • configurable reminders (i.e. 30 mins before event every 5 mins)
  • offline mode working from cached data

Refer

  • http://code.google.com/p/gcalcli/
  • http://www.debianclub.org/node/531
  • http://forum.ubuntuclub.com/forum/topic,14086.0.html
  • http://imrgill.com/2009/12/11/monitor-server-with-sms-alert-shell-script.html
  • http://www.thaiadmin.org/board/index.php?topic=126833.0

Install GUI for Ubuntu server

  • ติดตั้ง GUI ของ desktop ทั้งหมด คล้ายกับการลง Desktop นั่นแหละ
sudo apt-get install ubuntu-desktop
  • ติดตั้งเฉพาะที่จำเป็น อันนี้ package จะน้อยกว่าแบบแรกหน่อย
sudo apt-get install --no-install-recommends ubuntu-desktop
  • หรืออีกแบบ package ก็น่าจะน้อยลงไปอีก
sudo aptitude install -R ubuntu-desktop

อ้างอิง
  • http://ubuntuclub.com/node/1493

Cifs "mount error 13 = Permission denied"

Command
sudo mount -t cifs //servername/sharename /media/mountname -o username=xxx,password=xxx
Error
mount error 13 = Permission denied
Refer to the mount.cifs(8) manual page (e.g.man mount.cifs)
Cause
The error above is because of a bug in kernel which got in to the kernel version 2.6.18 and above. The same mount command works great for the kernel version 2.6.17 and below.
Bugzilla link to the bug: http://bugzilla.kernel.org/show_bug.cgi?id=7209
Solved
sudo smbmount //servername/sharename /media/mountname -o username=xxx,password=xxx,domain=xxx

Note

  • domain can use "workgroup" such as "domain=workgroup"

Refer
  • http://vijayk.blogspot.com/2008/09/cifs-mount-error-13-permission-denied.html

Map drive in linux by command line

  • ติดตั้ง smbfs
sudo apt-get install smbfs
  • สร้าง folder ลองรับ map drive
sudo mkdir /media/mountname
  • ทำการ map drive เครื่องที่แชร์ไฟล์ไว้ไม่ว่าจะเป็น windows หรือ linux
sudo smbmount //servername/sharename /media/mountname -o domain=workgroup,username=xxx,password=xxx
  • หรือ อันนแรกเป็นการแชร์แบบถาม username และ password
  • อีกอันเป็นการแชร์แบบใช้ guest เข้าถึง
sudo smbmount //servername/sharename /media/mountname -o guest,domain=workgroup

หรือ

sudo smbmount //servername/sharename /media/mountname -o username=guest,password=,domain=workgroup

หรือ

sudo smbmount //servername/sharename /media/mountname
  • สำหรับการปกปิด username, password เราสามารถ credentails ไฟล์ร่วมด้วย
sudo smbmount //servername/sharename /media/mountname -o credentials=/mycredential_file
  • เราสามารถใช้ mount -t smbfs หรือ mount -t cifs แทน smbmount ได้ด้วยแหละ เช่น
sudo mount -t cifs //servername/sharename /media/mountname -o credentials=/mycredential_file

หรือ

sudo mount -t smbfs //servername/sharename /media/mountname -o credentials=/mycredential_file


เพิ่มเติม
  • สำหรับการเข้าถึงแบบใช้ guest ถ้ามันใช้ไม่ได้ทั้งที่ server ที่แชร์เปิดให้ everyone เข้าถึงได้แล้ว ที่ server แชร์ ให้เราเพิ่มสิทธิ์ guest และกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงให้ใน security ของ folder ที่แชร์ไว้ด้วย
  • คำสั่งด้านบนจะถูกยกเลิกได้โดย
sudo umount /media/mountname

หรือ

sudo smbumount /media/mountname
  • หรือ บูตระบบใหม่ drive ที่ map ไว้ก็จะหายไปเอง
  • ต้องการให้ map drive ทุกครั้งโดยใช้ /etc/rc.local ร่วมด้วยช่วยกัน หรือ config ตามนี้ก็ได้เช่นกัน
  • นำคำสั่งไปวางใน /etc/rc.local วางก่อน exit 0 จะเป็นการ map drive ทุกครั้งเมื่อบูตระบบ
  • วิธีนี้มันมีปัญหาเรื่อง ภาษาไทยหว่า แก้ไงดี folder ที่เป็น ภาษาไทยมันแสดงเป็น ???? หรือ บางครั้งมันจะไม่แสดงเลย

เกี่ยวข้อง

อ้างอิง
  • http://www.linuxquestions.org/questions/linux-networking-3/cifs-mount-error-13-%3D-permission-denied-cifs-sucks-463271/
  • http://fedoraforum.org/forum/archive/index.php/t-41910.html
  • http://vijayk.blogspot.com/2008/09/cifs-mount-error-13-permission-denied.html
  • http://www.google.com/search?client=ubuntu&channel=fs&q=mount+error%2813%29%3A+Permission+denied&ie=utf-8&oe=utf-8
  • http://arstechnica.com/civis/viewtopic.php?f=16&t=827720
  • http://ubuntuforums.org/showthread.php?t=883690
  • http://forum.ubuntuclub.com/forum/topic,12066.0.html
  • http://mixeduperic.com/linux/how-to-map-windows-nework-drive-in-ubuntu.html
  • http://www.liberiangeek.net/2010/07/mountmap-ubuntu-10-04-lucid-lynx-cddvd-drive-windows/
  • https://wiki.ubuntu.com/MountWindowsSharesPermanently

Map drive in Ubuntu

How to map drive in ubuntu permanent
  • ติดตั้ง smbfs ก่อนเลย
sudo apt-get install smbfs
  • สร้าง folder ที่ใช้ map drive
sudo mkdir /media/mountname
  • เปิดไฟล์ /etc/fstab ขึ้นมาเพื่อแก้ไข
sudo gedit /etc/fstab
  • เพิ่มข้อมูลประมาณนี้ลงไปต่อข้อมูลเดิมของ /etc/fstab
  • กรณีการแชร์แบบไม่ถาม username และ password
//servername/sharename /media/mountname cifs guest,uid=1000,iocharset=utf8,codepage=unicode,unicode 0 0
  • กรณีถามการแชร์แบบถาม username และ password ให้ใช้แบบนี้
//servername/sharename /media/mountname cifs username=myusername,password=mypassword 0 0
  • ในกรณีที่ต้องการ ซ่อน username และ password (โดยปกติ /etc/fstab สามารถ read ได้ทุกคน)
  • ให้เราสร้างไฟล์ credentials ต่างหาก
sudo gedit /root/.smbcredentials
  • โดยไฟล์ credentails ให้เราเพิ่มประมาณนี้เข้าไป
username=myusername
password=mypassword
domain=workgroup
  • และทำการเปลี่ยนสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์ credentials ของเราให้ root อ่านและแก้ไขได้เท่านั้นโดย
sudo chmod 600 /root/.smbcredentials
  • ใน /etc/fstab ให้เราเพิ่มแบบนี้แทน การเขียน user, pass โดยตรง
//servername/sharename /media/mountname cifs credentials=/root/.smbcredentials,dmask=777,fmask=777 0 0
  • ทำเสร็จก็บันทึกทุกอย่าง และ รีบูตระบบสักรอบ เราก็สามารถใช้ drive ใหม่ที่เรา map ได้แล้วที่ /media/mountname ไง

Note

  • เราสามารถใช้ smbfs แทน cifs ได้นะครับพี่น้อง
  • drive ที่เรา map เรื่อง ภาษาไทย ไม่มีปัญหา อ่านออก ใช้ได้ 100%
  • เมื่อ config เสร็จเราสามารถใช้ map drive อันใหม่ได้โดยสั่ง
sudo mount -a
  • หรือ คำสั่งนี้ก็ได้เช่นกัน
sudo mount /media/mountname
  • ส่วนการยกเลิกใช้คำสั่งดังนี้
sudo umount /media/mountname

Related


Refer

Wednesday, October 13, 2010

วิธีกู้ชีพ CD เก่า ให้เปิดอ่านได้

  • เราคงเคยทำกัน คือ write แผ่นเพลงเก่าเก็บไว้ฟังในอนาคต
  • เวลาผ่านไป นำมาเปิด มันอ่านไม่ได้ซะงั้น ทั้งที่แผ่นก็ยัง ไม่ได้พังขนาดนั้น

Method 1
  • เค้าแนะนำ โดยใช้ยาสีฟันทาบนแผ่นและขัดแผ่น คล้ายๆ การใช้กระดาษทรายขัด จากนั้นล้างยาสีฟันที่เราขัดบนแผ่นด้วยน้ำสะอาด เพื่อทำให้รอยขีดข่วนลดลงหรือหายไป

Method 2
  • ใช้เครื่องล้างผ่าน CD โดยเฉพาะ

Method 3
  • ถ้าทำ 2 method แรกแล้วก็ยังไม่ได้ ให้ใช้โปรแกรมช่วย เช่น CDRoller ,ISOBuster

Refer
  • รายการ ฉลาดล้ำโลก ช่อง modern nine tv วันที่ 10 ตุลาคม 2553
  • http://music.ohozaa.com/drama/ProgramDetail.jsp?guid=200806271202250724
  • http://hiptv.mcot.net/listProgramCat.php?catId=133
  • http://www.pantip.com/tech/basic/topic/BA2944677/BA2944677.html
  • http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic_cache.php?table_id=1&cate_id=17&post_id=33551&title=%E1%BC%E8%B9-CD/DVD-%E0%BB%E7%B9%C3%CD%C2%CD%E8%D2%B9%E4%C1%E8%CD%CD%A1
  • http://gotoknow.org/blog/soft-soft/157752

Config nautilus always show location bar

  • ปกติเมื่อเราเปิด nautilus ขึ้นมาตรง Location bar มันจะเป็นปุ่มๆ ทำให้เราพิมพ์เองไม่ได้
  • ถ้าเราต้องการให้เป็น Location bar สามารถพิมพ์เองได้

Method 1
  • คีย์ลัดคือ Ctrl + L
  • เป็นการเปลี่ยนค่าชั่วคราว เมื่อปิดและเปิด nautilus ขึ้นมาใหม่มันก็ยังจะเป็นปุ่มเหมือนเดิม

Method 2

  • เปิดการตั้งค่าให้ location bar แบบพิมพ์ได้ถาวร
  • เปิด terminal และพิมพ์ gconf-editor
  • จากนั้นให้เราเข้าไปตามพาธดังนี้
/apps/nautilus/preferences/always_use_location_entry
  • เปลี่ยนค่าเป็น True ซะ


Refer
  • http://www.ubuntu4life.com/nautilus_always_use_location_entry

PES 2011 has stopped working

Pro Evolution Soccer 2011 has stopped working
  • สาเหตุน่าจะเกิดจาก ไฟล์ติดตั้งไม่สมบูรณ์
  • วิธีแก้ปัญหาน่าจะ ลองโหลดไฟล์ติดตั้ง อีกรอบ

อ้างอิง
  • http://thepiratebay.org/torrent/5860350/Pro.Evolution.Soccer.2011-RELOADED

Tuesday, October 12, 2010

เปลี่ยน Ubuntu ของเราให้กลายเป็น Win 7

  • Download Win7 Transformation Pack for Ubuntu from here

Refer

Public DNS

Google
8.8.8.8
8.8.4.4
OpenDNS
208.67.222.222
208.67.220.220
TT&T
202.69.137.137
202.69.137.138
TOT
203.113.127.199
203.113.24.199
CAT
61.19.245.245
61.19.245.246
DTAC
203.155.33.1
202.44.144.33
DynDNS (ไม่แนะนำ มันห่วยมากเลย)
216.146.35.35
216.146.36.36
CISCO
202.44.144.202

Related

Refer
  • http://www.hadyaiinternet.com/index.php?topic=321.0
  • http://www.adslthailand.com/board/archive/index.php/t-18448.html
  • http://www.mrpalm.com/board/view_board.php?id=103481
  • http://www.com-th.net/webboard/index.php?action=printpage;topic=103940.0

กระจาย หรือ การแยก table หรือ จะรวม table ดี (Database)

Type thai in command prompt on windows

  • ปกติมันพิมพ์มได้ซะที่ใหน
  • เค้าต้องไปเพิ่ม font และปรับค่า regedit ซะก่อน

Method 1
  • ไปโหลดไฟล์ thaidosxp.zip
  • จากนั้นแตกไฟล์ออก จะได้ .reg 3 ไฟล์ และ courmon.tff อีกหนึ่งไฟล์
  • Ctrl + R พิมพ์ fonts และนำ courmon.tff ไปวางใน fonts ซะ เป็นการติดตั้ง font ให้ระบบเรา
  • จากนั้นให้เราทำการ double click ไฟล์ reg ทั้ง 3 ไฟล์
  • แล้วก็ reboot เครื่องสักรอบ
  • เมื่อ reboot เรียบร้อยให้เราปรับ property ของ cmd โดยที่แท๊ป Font
  • ให้เราเลือก Courier Mono Thai ซะ
  • จบครับพี่น้องสำหรับวิธีแรก

Method 2
  • ไปหาดาวน์โหลดเฉพาะไฟล์ courmon.tff มาจากนั้นทำการติดตั้ง font ตามวิธีแรก
  • หลังจากนั้นเราต้องเข้าไปแก้ไข regedit ด้วยตัวเองโดย
  • Ctrl + R พิมพ์ regedit และให้เราทำดังนี้
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion\Console\Nls

ให้เพิ่มข้อมูลชนิด String ชื่อ "0000041e"

HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion\Console\TrueTypeFont

ให้เพิ่มข้อมูลชนิด String ชื่อ "874" มีข้อมูลภายในคือ "Courier MonoThai"


HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\MS-DOS Emulation\Font

ให้เปลี่ยนข้อมูลชนิด String ที่ชื่อ "font" ให้เป็น "Courier MonoThai"


HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Keyboard Layout\DosKeybCodes

ให้เพิ่มข้อมูลชนิด String ชื่อต่อไปนี้


"0000041E" มีข้อมูลภายในเป็น "th"

"0001041E" มีข้อมูลภายในเป็น "th"

"0002041E" มีข้อมูลภายในเป็น "th"

"0003041E" มีข้อมูลภายในเป็น "th"
  • รีบูตระบบ หลังจากรีบูตเสร็จให้เราแก้ไข property ของ cmd ดังวิธีแรก
  • จบ method 2 ครับพี่น้อง

Refer
  • http://www.justusers.net/articles/others/thaidosxp/thaidosxp.htm
  • http://tnk.ac.th/index.php?option=com_phocadownload&view=category&id=1:general_program&Itemid=8
  • http://www.thaiadmin.org/board/index.php?topic=31.0.

Ntpdate in windows

  • ntpdate ก็มีให้ใช้บน windows เช่นเดียวกัน
  • ดาวน์โหลดได้จาก ที่นี่
  • การใช้งานก็แค่
server 1.th.pool.ntp.org

เกี่ยวข้อง

อ้างอิง
  • http://ring.nict.go.jp/pub/pc/winsock-l/WindowsNT/Time/
  • http://www.filewatcher.com/m/ntpdate.zip.32012.0.0.html
  • http://www.google.co.th/search?q=ntpdate+on+windows&ie=utf-8&oe=utf-8&aq=t&rls=org.mozilla:en-US:official&client=firefox-a
  • http://www.thaihosttalk.com/topic/...

Wget in windows

  • wget นึกว่ามีเฉพาะบน linux เค้า
  • windows เราก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
  • ดาวน์โหลดได้จาก ที่นี่
  • การใช้งานก็แค่เปิด command prompt (cmd) ขึ้นมา ดาวน์โหลดไฟล์โดยใช้คำสั่งประมาณนี้
wget http://address/file

อ้างอิง
  • http://www.google.co.th/search?q=wget+on+windows&ie=utf-8&oe=utf-8&aq=t&rls=org.mozilla:en-US:official&client=firefox-a
  • http://users.ugent.be/~bpuype/wget/
  • http://pages.interlog.com/~tcharron/wgetwin.html

Friday, October 8, 2010

How to use smbclient command

  • ปกติการเข้าไปเอาไฟล์ที่ windows แชร์ไว้บน ubuntu จะใช้ nautilus ด้วยคำสั่ง
nautilus smb://sharehost/sharefolder
  • หรือเปิด nautilus ขึ้นมาแล้วพิมพ์ที่ address bar แค่นั้น
smb://sharehost/sharefolder
  • แต่เราสามารถใช้ command line ได้คล้ายกับ ftp ด้วยบรรทัดคำสั่งนั่นแหละโดย
  • การเข้าถึงโดยคำสั่ง
smbclient //sharehost/sharefolder
  • หรือในกรณีใช้ username ก็ประมาณนี้
smbclient //sharehost/sharefolder -U username
  • การโหลดไฟล์ก็
get file1
  • หรือหลายๆ ไฟล์ก็
mget file1 file2 ... หรือ mget * (มั้ง)
  • การอัพไฟล์ก็
put file1
  • หรืออัพหลายๆ ไฟล์
mput file1 file2 ... หรือ mput * (มั้ง)

Note
  • mget ทำไมใช้ option -i ไม่ได้เหมือน ftp หว่า งี้เราก็ต้อง y ตลอดอ่ะดิ เมื่อยเลยนะเนี๋ย
  • อีกอย่างเราสามารถติดตั้งได้จากชุด package ของ samba
sudo apt-get install samba
  • หรือติดตั้งตัวนี้เดี๋ยวๆ เลยก็
sudo apt-get install smbclient

Related
  • http://juuier.blogspot.com/2008/05/linux-windows-networking-samba.html
  • http://juuier.blogspot.com/2010/08/share-file-by-samba.html

Refer
  • http://unix.ittoolbox.com/groups/technical-functional/unixadmin-l/option-for-mget-commnand-in-ftp-320507
  • http://linux.about.com/od/commands/l/blcmdl1_ftp.htm
  • http://optics.ph.unimelb.edu.au/help/samba/smbclient.1.html

Change theme Lucid to Maverick

  • ไปดาวน์โหลด gtk และ icon มาและติดตั้งแค่นี้
Icon: Humanity
Theme: AmbianceMaverickRefined
  • ตัวไอคอนที่โหลดมา มันจะเป็น Humanity เวอร์ชั่นใหม่ ความต่างของไอคอนที่ชัดก็ Home folder
  • ติดตั้ง 2 อย่างด้านบนเสร็จ เรารีบูตระบบสักรอบ
  • หลังจากรีบูตเสร็จ ก็เข้าไปที่ System => Preferences => Appearance
  • เราก็จะเห็น theme ใหม่ดังภาพ

เพิ่มเติม
  • Theme ด้านบนที่ให้ลิ้งโหลด มันไม่ใช่ maverick จริงๆ อ่ะ
  • อันนี้เนี๋ย ของจริง
sudo add-apt-repository ppa:murrine-daily/ppa && sudo apt-get update
sudo apt-get install light-themes gtk2-engines-murrine

อ้างอิง

Change hostname in Ubuntu

  • เราสามารถดูว่าเครื่องเราชื่ออะไรโดยคำสั่ง hostname พิมพ์บน terminal
  • อันนี้เป็นการเปลี่ยน hostname ของเครื่องเรา

Using command line
  • เปลี่ยนชื่อ hostname ที่ไฟล์นี้ได้เลย ซึ่งเมื่อเราเปิดไฟล์ขึ้นมา ไฟล์นั้นจะแสดงแค่ hostname ปัจจุบันค่าเดียว
sudo gedit /etc/hostname
  • เปลี่ยนค่าใน hosts file เราซะหน่อย
sudo gedit /etc/hosts
  • ข้อมูลใน /etc/hosts จะแสดงประมาณนี้
127.0.0.1 localhost
127.0.1.1 oldhostname
  • คือให้เราเปลี่ยนค่าตรง oldhostname ให้เป็นชื่อใหม่ที่เราต้องการไง
  • บันทึกและรีบูตเครื่องสักรอบ

Using GUI
  • แก้ไข hostname ผ่าน GUI โปรแกรมใหนหว่า
sudo aptitude install gnome-network-admin
  • ติดตั้งเรียบร้อย เราเปิดโปรแกรมที่ System => Administration => Network
  • และเราสามารถเปลี่ยน hostname ได้โดยไปที่แท๊ป Gerneral
  • บันทึกและรีบูตเครื่องสักรอบ

อ้างอิง

  • อ้างอิงการบทความบน Ubuntu 10.04
  • http://www.hackourlives.com/how-to-change-the-hostname-in-ubuntu-9-10/
  • http://ubuntuforums.org/showthread.php?t=1467978
  • http://ubuntuforums.org/showthread.php?t=976198
  • http://ubuntumanual.org/posts/143/how-to-change-computer-name-in-ubuntu

Mount ISO file from command-line in Ubuntu

  • ใช้แต่โปรแกรมจนเคยตัว ไม่เคยใช้บรรทัดคำสั่งในการ mount สักที
  • วันนี้เลยได้โอกาส mount เลยขอเก็บล็อคซะหน่อย

Method
  • สร้าง folder ไว้รอการ mount ก่อนเลย
sudo mkdir /media/iso
  • จากนั้นเพิ่ม loop module ให้ kernel เรา
sudo modprobe loop
  • และสั่ง mount ด้วยคำสั่งประมาณนี้
sudo mount file.iso /media/iso/ -t iso9660 -o loop

Try
  • เท่าที่ทดลองบน Lucid ไม่ต้องลง modprobe loop ก็ใช้ได้นะ สงสัยระบบลงมาให้ตั้งแต่ติดตั้งแล้วมั้ง
sudo mkdir /media/iso

sudo mount file.iso /media/iso/ -o loop

Note

  • การยกเลิก mount ตามนี้เลย
sudo umount /media/iso

Refer
  • http://ubuntuguide.net/mount-iso-images-without-burning-them-in-ubuntu
  • http://forum.ubuntuclub.com/forum?topic=7857.0

Thursday, October 7, 2010

How to play SWF file in Ubuntu

  • วิธีแรกติดตั้งผ่าน Ubuntu Software Center ซิครับ โดยค้นหาด้วยคำว่า swf
  • เราก็จะเจอ Gnash SWF Viewer และ Swfdec Flash Player
  • หรือ ถ้าต้องการความรวดเร็วแค่เปิด terminal แล้วพิมพ์
sudo apt-get install swfdec-gnome
sudo apt-get install gnash

เพิ่มเติม

  • ปกติเราสามารถเปิดไฟล์ swf ด้วย FX ได้เลยนะ (ในกรณีที่ลง flash plugin for mozilla แล้ว)

อ้างอิง
  • Ubuntu 10.04
  • http://ubuntuforums.org/showthread.php?t=551509
  • http://blog.sudobits.com/2010/06/05/how-to-play-swf-file-in-ubuntu-10-04/
  • http://linuxtree.blogspot.com/2010/02/how-to-play-swf-filemacromedia-flash-on.html
  • http://forum.ubuntuclub.com/forum?topic=12377.0

Wednesday, October 6, 2010

Bug NoScripts in Google Chrome

  • ติดตั้ง extension no script ใน google chrome แล้วเปิด Gmail (Standard view) ไม่ได้อ่ะ
  • มันไม่โหลดอ่ะ แบบภาพเนี๋ย ขึ้นโหลดบาร์ แต่ไม่ขึ้นไม่โหลดเลย
  • ลองเปิด Hotmail ก็เข้าบ่ได้เช่นกัน
  • เค้าบอกว่าเป็น Bug มันหว่า

Auto start virtual machine under vbox

  • ประเด็นมีอยู่ว่า อยากให้ vbox รัน guest os สักตัวเมื่อเรา บูตระบบขึ้นมาแล้ว logon
  • เค้าแนะนำให้สร้าง batch script ไปวางไว้ใน startup ของ user นั้นๆ สำหรับ windows นะ
  • ส่วน linux เขียนไว้ภายใต้ไฟล์ /etc/rc/local แต่ต้องเขียนก่อนคำสั่ง exit นะครับพี่น้อง
VBoxManage startvm "<session id>"
  • Session id ดังภาพด้านล่างนี้แหละ Lucid, Maverick, Server 2003, XP เป็นต้น
  • อันนี้คือตัวอย่าง
vboxmanage startvm xp
  • หรือ อีกตัวอย่าง
vboxmanage startvm "server 2003"

เพิ่มเติม
  • Session id เป็น case sensitive นะครับพี่น้อง
  • Session id ที่ชื่อแยกกันเช่น serve 2003 เราต้องใส่ double quote ครอบด้วยนะครับพี่น้อง

อ้างอิง
  • http://www.virtualbox.org/ticket/950
  • http://forums.virtualbox.org/viewtopic.php?t=4762
  • http://forums.virtualbox.org/viewtopic.php?f=9&t=17739
  • http://www.amiryan.org/2009/11/04/virtualbox-init-d-service-autostart-script/
  • http://ubuntuforums.org/showthread.php?t=939183
  • http://seoroot.com/blog/howto/how-to-autostart-a-virtual-machine-in-virtualbox.html
  • http://www.pclinuxos.com/forum/index.php?topic=63040.0
  • http://ubuntuforums.org/showthread.php?t=758568
  • http://farfewertoes.com/stories/2008-03-09-start-virtualbox-virtual-machines-on-boot/
  • http://www.linuxthai.org/forum/index.php?topic=10770.0
  • http://www.amiryan.org/2009/11/04/virtualbox-init-d-service-autostart-script/

Create new user in windows by command line

  • เพิ่มโดยระบุ รหัสผ่านไปพร้อมกันเลย
net user username password /add
  • เพิ่มโดยให้กรอกรหัสผ่าน 2 ครั้ง
net user username * /add
  • ดูข้อมูล user นั้นๆ
net user username
  • ลบ user นั้นๆ
net user username /delete

อ้างอิง
  • http://support.microsoft.com/kb/251394
  • http://spalinux.com/2009/06/net_command_to_add_delete_user_on_windows_xp

Map drive in windows by command line

สร้าง Map drive
net use x: "\\host\share name"
net use x: "\\host\share name" user:username password
ลบ Map drive
net use x: /delete
อธิบาย
  • x คือ Letter ของ drive
  • "\\host\share name" คือ ชื่อโฮสและชื่อที่ทำการแชร์
  • username password จะใส่เมื่อโฮสนั้นแชร์ไฟล์แบบให้ใส่ user และ password

เพิ่มเติม
  • ถ้า sharename มันเขียนติดกัน ไม่ต้องใส่ double quote เช่น
net use x: \\host\sharename
  • และถ้าเราคิดอาไรไม่ออกก็พิมพ์ประมาณนี้
net /?
net use /?
net help use

อ้างอิง
  • http://support.microsoft.com/kb/308582
  • http://www.tomshardware.com/forum/227864-46-command-network-drive-command-prompt
  • http://www.softwaretipsandtricks.com/forum/windows-xp/9779-how-map-network-drive-using-command-line.html
  • http://www.computing.net/answers/windows-xp/how-to-map-drive-using-command-line/99526.html
  • http://www.google.co.th/search?q=map+drive+by+command+line&ie=utf-8&oe=utf-8&aq=t&rls=org.mozilla:en-US:official&client=firefox-a

Popular Posts