- อันนี้เป็นสคริปใช้ freeze ระบบบน Ubuntu
- ซึ่งเจ้าของบทความเค้าแนะนำว่าใช้ได้ดีในระดับหนึ่ง
Step
- สร้างไฟล์ Script โดยมี content แบบนี้ ในที่นี้ตั้งชื่อเป็น freeze.sh
#!/bin/bash
echo Enter name of user you want to protect.
read name
sudo mkdir /.secure
sudo chmod 700 /.secure
sudo mkdir /.secure/rsync_"$name"
sudo rsync -r -t -p -o -g -v --progress --delete -l -D /home/"$name"/ /.secure/rsync_"$name"/
sudo awk 'BEGIN { print "#!/bin/bash\nrsync -a --delete /.secure/rsync_'"$name"'/ /home/'"$name"'/\n" }' > /home/$USER/rsync_"$name".tmp
sudo mv /home/$USER/rsync_"$name".tmp /etc/init.d/rsync_"$name"
sudo chmod +x /etc/init.d/rsync_"$name"
sudo rm /etc/rc2.d/S99rsync_"$name"
sudo ln -s /etc/init.d/rsync_"$name" /etc/rc2.d/S99rsync_"$name"
echo "$name" is now protected.
echo Please rerun this script to protect another user
echo or to update an account with any new changes
echo for that specific user.
echo Press enter to exit.
read exit
- จากนั้นคัดลอกไปวางภายใต้ Home ของ user ที่เรากำลัง Logon อยู่เพื่อสะดวกในการใช้งาน จากนั้นเปลี่ยน permission ไฟล์ให้ execute ได้โดย
chmod +x freeze.sh
./freeze.sh
- เมื่อ script ทำงานเค้าจะให้เราระบุว่า เราจะ freeze user ให้ก็กรอก user ลงไป แค่เนี๋ยเสร็จแหละ
อธิบายการทำงานแบบมั่วๆ เอา
- ประมาณว่า มีการ backup ไฟล์ โดย rsync นะขณะนั้นไว้ของ user นั้น
- และมีการสร้าง Script ลบ home ของ user นั้น และ restore home user ที่ backup ไว้แล้วกลับคืนมา โดย script วางอยู่ที่ /etc/init.d/ และ มีการสร้าง link ไปที่ /etc/rc2.d/ ไว้ ซึ่ง run level นี้เป็น default จะทำงานตอนบูตระบบขึ้นมาใหม่
เพิ่มเติม
- เมื่อต้องการ freeze user อื่นๆ ก็รัน script และระบุ user แค่เนี๋ย
- และเมื่อเรามีการเปลี่ยนแปลงค่า หรือ ไฟล์ในระบบ และต้องการกำหนด freeze ใหม่อีกรอบ เราแค่รัน script และระบุ user นั้นอีกรอบ แค่เนี๋ย ง่ายมากๆ
- ปล. แล้วเราจะถอน freeze ออกไงฟะ คิดว่าคงต้องไปลบ ตัว link ที่รันตอน startup ออกมั้งคิดว่านะ
- sudo ln -s /etc/init.d/rsync_"$name" /etc/rc2.d/S99rsync_"$name"
- 2 ไฟล์เนี๋ยอ่ะ ลบออกมันก็น่าจะเลิก freeze แหละ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- http://juuier.blogspot.com/2010/08/how-to-remove-deep-freeze.html
อ้างอิง
- http://forum.ubuntuclub.com/forum/topic,14103.msg89307.html#msg89307
- http://forum.ubuntuclub.com/forum/topic,14124.msg116180/topicseen.html#msg116180
- http://www.debianadmin.com/debian-and-ubuntu-linux-run-levels.html
Adobe Acrobat 8 Professional- Double click the PDF file or you can open the file from within the program. Click File > Open.
- Click the "Advanced" drop down. Select Print Production > Preflight. Click the triangle that is pointing to the right next to PDF Fixups to see the Convert to Grayscale option.
- Select Convert to Grayscale > Execute. This will convert the entire document to black and white or grayscale.
Adobe Acrobat 9 Professional- Double click on a PDF file to view the file or click File > Open.
- Click Advanced > Print Production > Preflight.
- Select the "Convert to Grayscale" option displayed under "PDF Fixups." Click "Analyze and Fix" button.
- Save the PDF file to a location such as the desktop to complete the conversion to black and white or grayscale.
Refer- http://www.ehow.com/how_5588497_make-black-white-pdf-file.html
- http://blog.gilbertconsulting.com/2007/05/convert-color-pdf-to-grayscale.html
- สมมุติว่าเราได้ทำการติดตั้ง deep freeze และ ได้ตั้งพาสให้โปรแกรมเรา
- เราจะ remove ออกยังไงฟะ
Solved
- stop การทำการของ deep freeze เสียก่อนโดย กด Ctrl + Shift + Alt + F6
- ถ้าเราตั้งพาสไว้ มันจะให้เราใส่รหัสก่อน
- จากนั้นเลือก ละลายสิครับ Boot Thawed on Next หรือ Boot Thawed อันใหนก็ได้
- และ Apply and Reboot
- เมื่อระบบ Reboot เรียบร้อย เข้าไปยัง folder ของ file setup deep freeze คลิกตัว setup อีกครั้งเพื่อ Uninstall หลังจากนั้นก็ Reboot อีกรอบเป็นอันจบ
เกี่ยวข้อง
- http://forum.ubuntuclub.com/forum/topic,14124.msg116180/topicseen.html#msg116180
- http://forum.ubuntuclub.com/forum/topic,14103.msg89307.html#msg89307
อ้างอิง- http://talk.mthai.com/topic/54179
- http://www.articlesbase.com/software-articles/uninstall-deep-freeze-how-to-remove-all-traces-of-norton-antivirus-fully-3338505.html
- ประเด็นมีอยู่ว่าใน ubuntuclub เค้าถามกันว่า
- "เมื่อเราสร้าง user ใหม่อยากให้มันมี public_hmtl อัตโนมัติได้หรือไม่"
- ถามประมาณนี้ แล้วก็มีคนเข้ามาตอบคำถามนี้
- มันเป็นความรู้อย่างหนึ่งนะเนี๋ย เลยลองทำดูมั่ง ผลปรากฏว่า ใช้ได้ไม่มีปัญหา
สมมุติ- เราต้องการให้ user ใหม่ที่เราจะสร้างมี public_html โดยอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องไปสร้างทีหลัง
วิธีทำ- ให้เราไปสร้าง folder ที่เราต้องการให้มีโดยอัตโนมัติของ user ใหม่ภายใต้ /etc/skel/
sudo mkdir /etc/skel/public_html
- เราสามารถเพิ่ม user ใหม่ผ่านคำสั่ง
sudo adduser <user>
- หรือผ่าน GUI ได้ที่ System => Administration => Users and Groups
เพิ่มเติมsudo mkdir -p /etc/skel/public_html
- ปกติแล้วถ้า useradd มันก็จะใช้ /etc/skel มาเป็นแม่แบบให้ user home dir อยู่แล้ว
- แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องบังคับ
sudo useradd -g users -d /home/<USER> -s /bin/bash -k /etc/skel <USERgt;
อ้างอิง- http://forum.ubuntuclub.com/forum/topic,16602.0.html
- http://ubuntuforums.org/showthread.php?t=34624
- ทดสอบบน Ubuntu 10.04
mysql> use mydatabase;
Database changed
Example I
mysql> select * into outfile 'backup_data.txt' \
-> fields terminated by ',' optionally enclosed by '"' \
-> lines terminated by '\n' \
-> from mytable;
Query OK, 998391 rows affected (4.63 sec)
Example II
mysql> select * into outfile 'C:\\Users\\Jui\\Desktop\\backup_data.txt' fields terminated by ',' optionally enclosed by '"' lines terminated by '\n' from mytable;
Query OK, 998391 rows affected (3.73 sec)
Example III
mysql> select * into outfile 'C:/Users/Jui/Desktop/backup_data.txt' fields terminated by ',' optionally e
nclosed by '"' lines terminated by '\n' from mytable;
Query OK, 998391 rows affected (3.73 sec)
Note
- จาก Example I ถ้าเราไม่ได้ระบุพาธไฟล์ text ที่ export ออก มันจะไปอยู่ประมาณนี้ ซึ่งพาธนี้อ้างอิงบน windows 7 + mysqlserver 5.1
C:\ProgramData\MySQL\MySQL Server 5.1\data\mydatabase
- อีกเรื่องเกียวกับเครื่องหมาย backslash ดังตัวอย่าง ถ้าเราจะใช้ต้องใช้แบบ \\ หรือ ใช้ / แทนก็ได้
RelatedRefer
sudo apt-get install samba
- ครั้งก่อนเคยเขียนการแชร์ไฟล์ใน Ubuntu แบบง่ายๆ คือ คลิกขวาเลือก Share
- แต่อันนี้จะลงลึกหน่อย คือ เข้าไปแก้ไขไฟล์ /etc/samba/smb.conf เลย
- เพิ่มค่าคอนฟิกตามนี้ต่อท้ายในไฟล์ smb.conf
sudo gedit /etc/samba/smb.conf
เปลี่ยนค่า workgroup ให้เหมือนกันระหว่าง เครื่องแชร์ และ เครื่องเลือกใช้ไฟล์
workgroup = WORKGROUP
Share file ให้ guest อ่านได้อย่างเดียว
[myShared]
path = /home/jui/Desktop/myShared
; writeable = no
; browseable = yes
guest ok = yes
Share file ให้ guest อ่าน + เขียน
[myShared]
path = /home/jui/Desktop/myShared
writeable = yes
; browseable = yes
guest ok = yes
Share file ให้เฉพาะ user อ่าน + เขียน
[myShared]
path = /home/jui/Desktop/myShared
writeable = yes
; browseable = yes
valid users = jui
- สำหรับแชร์ให้เฉพาะ user เพิ่มคอนฟิกแล้วกำหนดรหัสผ่านโดยคำสั่ง
sudo smbpasswd -a <user>
หมายเหตุ- เมื่อเราแชร์ไฟล์ให้สามารถเขียนได้ผ่าน SAMBA อย่าลืม chmod ให้ไฟล์นั้นๆ ด้วย
chomod 777 /home/jui/Desktop/myShared
- และ เมื่อแก้คอนฟิกแล้ว ให้ restart samba ด้วย
sudo /etc/init.d/smbd restart
Using GUI- เราสามารถทำการ share file ผ่าน webmin ได้
- หรือใช้ Samba Service Configuration Tool ซึ่งโปรแกรมจะอยู่ที่ System => Administration
sudo apt-get install system-config-samba
- อีกเรื่องเราสามารถกำหนดให้ user ใหน อ่านได้อย่างเดียว หรือเขียนได้ด้วย ข้อมูลเพิ่มเติมตามอ้างอิง
- และยัง hide folder (Visibility) ที่แชร์ได้ด้วย คล้ายกับการแชร์แล้วเติม $ ต่อท้าย sharename บน windows อ่ะ
Note- เมื่อเราเปลี่ยนพาสเวิร์ด สำหรับ samba user (sudo smbpasswd -a <user>) ในขณะที่มีเครื่องเข้าใช้งานอยู่ เมื่อเครื่องที่ใช้งานอยู่ปิด explorer และ เปิด explorer อีกรอบ มันจะ error
- คือประมาณว่า มันจะจำ user และ pass ที่ authen ก่อนหน้านี้ไว้หว่า
- เราต้องทำการ ปิดและเปิดเครื่อง client นั้นใหม่ เมื่อเข้าถึงไฟล์ที่แชร์ มันจึงจะให้กรอก user และ pass อีกครั้งนะ (อ้างอิงบน xp)
RelatedRefer
- ประมาณว่าตั้งค่า panel ของ gnome ให้เป็นค่าเริ่มต้นเหมือนตอนเราติดตั้งระบบใหม่
- เข้า terminal
1. พิมพ์ rm -r ~/.gconf/apps/panel
2. กด enter
3. logout และ login ใหม่
Refer- http://forum.ubuntuclub.com/forum?topic=16563
SolvedCREATE TABLE table2 LIKE table1;
INSERT INTO table2 SELECT * FROM table1;
Refer
