Thursday, April 25, 2013

[Android] Launcher 8 app สำหรับเปลี่ยน Android เป็น Windows Phone 8

ที่มา : http://www.andromint.com/add-windows-8-layout-to-an-android-device-how-to/

Google Play
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.lx.launcher8




How add item toggle to Tile and Layout


  • ไม่แน่ใจว่าเค้าเลือกส่วนจัดการตรงนี้ว่าอย่างไร


  • มันน่าใช้มากกว่า Widget ( android v. <= 4.1 มื่อ slide จากขอบบนลงล่างจะเห็น Widget item ) นะ มันคล้ายๆ Tile ของ Windows 8 เลย พึ่งรู้ว่า มันเหมาะกับ touch screen มากเลย Interface แบบ Tile เนี๋ย
  • การตั้งค่าเพิ่ม item Tile ของ S2 เราในที่นี้ทำได้ดังโพสนี้
  • อ้างอิงบน CM ROM for I9100 , Android 4.2.2 จากเว็บ get.cm 

Solved

  • ไปที่ Settings -> System -> Quick Settings Panel -> Tiles and Layout


How do I add an additional hard drive? Debian OS

From: http://askubuntu.com/questions/125257/how-do-i-add-an-additional-hard-drive
  • ประเด็นที่ทำให้เกิดโพสนี้คือหาโพสเก่าไม่เจอเลยเขียนใหม่ก็ได้วะ
  • แค่ซื้อ Harddisk SATA 3.5" มาใส่ IBM Server เรา ไม่ได้ต่อผ่านพอร์ต SAS ต่อแบบบ้านๆ สาย SATA นี่แหละ 
Solved

1. ใช้ Gparted จัดการแบ่ง partition นั้นก่อน เช่น สร้าง partition ext4 ขึ้นมาสัก drive (fdisk บน linux ก็น่าจะช่วยเราได้ ไม่เคยใช้บน linux เหมือนกัน) คำสั่งติดตั้งโปรแกรมคือ
sudo gparted
ติดตั้งเสร็จจัดการผ่าน GUI เลยโดย Create and format เป็น ext4 ไปเลยใหม่สุดแล้วของระบบ Linux

2. ต่อมาหลังจากสร้าง partition linux แล้วเราจะ mount อย่างถาวร เมื่อบูตระบบทุกครั้งเรา ต้องสามารถใช้งาน partition นี้ได้เลย แต่สิ่งแรกเราต้องรู้ก่อนว่า partion ที่เราสร้างมันคือ device ตัวใหนด้วยคำสั่ง
sudo fdisk -l
ผลลัพธืของคำสั่งตัวอย่างนี้ แสดง hard drive 2 ก้อนคือ /dev/sda และ /dev/sdb เราต้องพิจารณาว่า hard drive ก้อนที่เราเพิ่มเข้ามาใหม่มันขนาดเท่าไหร่ จำชื่อ device ด้วยในที่นี้คือ /dev/sdb และ partion ที่เราสร้างขึ้นมาด้วย gparted ชื่อว่า /dev/sdb1 ให้จำตัว sdb1 ไว้
Disk /dev/sda: 250.1 GB, 250059350016 bytes
....
Disk /dev/sdb: 2000.4 GB, 2000398934016 bytes
255 heads, 63 sectors/track, 243201 cylinders
Units = cylinders of 16065 * 512 = 8225280 bytes
Sector size (logical/physical): 512 bytes / 4096 bytes
I/O size (minimum/optimal): 4096 bytes / 4096 bytes
Disk identifier: 0x000814e3
Device Boot Start End Blocks Id Syste
/dev/sdb1 1 243201 1953512001 83 Linux
3. สร้าง folder สำหรับเป็นจุด mount point ไง
sudo mkdir /media/mydrive
4. แก้ไขไฟล์ /etc/fstab
sudo gedit /etc/fstab
เพิ่มบรรทัดต่อเข้าไปในข้อมูลเดิมเข้า (ขึ้นบรรทัดใหม่ก่อนคัดลอกวาง) และทำการบันทึกไฟล์ให้เรียบร้อย
/dev/sdb1    /media/mydrive    ext4    defaults    0    0
5. สุดท้ายทำการ mount partition ใหม่ด้วยคำสั่ง (หรือ reboot ระบบใหม่เลยก็น่าจะเป็นการตรวจสอบที่สมบูรณ์ เมื่อ start up แล้ว mydrive เราต้องใช้งานได้เลย)
sudo mount /media/mydrive

How can I stop being prompted to unlock the 'default' keyring on boot?

From : http://askubuntu.com/questions/867/how-can-i-stop-being-prompted-to-unlock-the-default-keyring-on-boot



I think the simplest way is to set the password for the keyring to an empty password -- you will not be prompted for a password then:
  1. Open Applications -> Accessories -> Password and Encryption Keys
  2. Right-click on the "login" keyring
  3. Select "Change password"
  4. Enter your old password and leave the new password blank
  5. Press ok, read the security warning, think about it and if you still want to get rid of this dialog, choose "use unsafe storage".
Again, as the message says: This will expose all your passwords (e.g. email passwords) that you chose to save in the default keyring to anyone using your computer or having access to your files and is therefore not recommended.

Debian OS => System -> Perferences -> Password and Encryption Keys

ปัญหาเรื่อง permission บน Linux ที่ผู้เขียนยังไม่ค่อยเข้าใจ


  • คือปัญหานี้ ยังไม่ค่อยเข้าใจเลยงงมาก
  • เรื่องมีว่า เราสร้าง เว็บไว้ที่ /home/user1/public_html/mysite
  • เรากำหนด permission ให้ public_html เป็น 705 แล้ว
  • แต่ client เข้าเว็บแล้ว พบข้อความเป็น ซะงั้น

Forbidden


You don't have permission to access /th/ on this server.
Apache/2.2.17 (EL) Server at www.env.msu.ac.th Port 80

Solved โดย

  • แก้ permission ของ /home/user1 เป็น 705 ด้วยถึงจะรันเว็บที่อยู่ใต้ public_html ได้
  • แต่ก่อนจนถึงปัจจุบัน เข้าใจว่า เป็นแค่ สิทธิ์ของ folder เว็บก็น่าจะพอ
  • เข้าใจเพิ่มเติมว่า ต้องเปลี่ยนเป็น 705 ตั้งแต่ folder ที่อยู่ใต้ folder system อีกที


เพิ่มเติม

  • แล้วทำไม เราตั้ง attachment folder joomla เป็น 707 แล้ว www-data user ก็ up file ขึ้นได้หว่า ทั้งที่ /home/user1 เราก็ตั้งแค่ 705 รู้สึกมันจะขัดแย้งกันอย่างบอกไม่ถูก
  • สงสัยเราคงเข้าใจเรื่องสิทธิ์ผิดแน่ๆ เลย

Wednesday, April 24, 2013

Zip ไฟล์แบบ Tar และ split tar สุดท้ายรวม tar พร้อม extract tar file

ที่มา: http://superuser.com/questions/198857/how-can-i-create-multipart-tar-file-in-linux

  • มีปัญหาตอนย้ายข้อมูลขนาดประมาณ 6 GB เรา zip ไฟล์บนเครื่อง Local แล้ว Upload ขึ้น CentOS
  • พยายามจะแตกไฟล์แต่ unzip ใช้แตกไฟล์ขนาดใหญ่แบบนี้ไม่ได้
  • วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น ใน google เค้าบอกว่าใช้ 7Zip หรือ7za แต่เราทำไมติดตั้ง บน CentOS ไม่ได้หว่า
  • จึงต้องหาวิธีอื่นเจออีกวิธีคือ Tar ไง แต่ไฟล์มันใหญ่คิดว่าแบ่งไฟล์เป็น part ด้วยดีกว่าน่าจะ upload ได้เร็ว พออัพโหลดเสร็จจะแตกไฟล์ tar แบบ part ต้องรวมให้เป็นไฟล์เดียวก่อนจึงคือ extract เป็นอันจบขั้นตอน


Solved

tar -cvf - | split --bytes=1m --suffix-length=4 --numeric-suffix - myarchive.tar.

cat myarchive.tar.* | tar xvf -

ปัญหาการย้ายไฟล์ web site จาก Debian ไป CentOS

  • เรื่องมีอยู่ว่ามี joomla อยู่บน debian server และ server ตัวนี้เกิดปัญหาบางอย่าง
  • จึงต้องย้ายระบบ joomla ไปที่ CentOS 
  • การย้ายข้อมูลโดย ถอด Harddisk เว็บบน Debian ไป jump กับ windows xp เอา external คัดลอกไฟล์ออกมา
  • แล้วก็อัพโหลดไฟล์จาก External ไฟล์ขนาด > 5 GB อัพแล้วมีปัญหาแตกไฟล์ zip ไม่ได้ unzip บอกว่า too big file ซะงั้น จึกต้อง tar แยกไฟล์ขึ้นไปแล้วรวม tar สุดท้ายแตก tar เป็น folder เว็บคืน
  • ทุกอย่างดูเหมือนจะราบลื่น แต่แล้วปัญหาเกิดจนได้ อ่านข่าวแล้วคลิกที่ไฟล์ attachment มา มันเปิดอ่านไม่ได้เลย ชื่อ path ที่ปรากฏบน url เป็นภาษาไทย แต่ประเด็นคือพอเปลี่ยนจาก ไฟล์ attachment ที่เป็นไทยไปเลือกไฟล์ ที่มีชื่อเป็น english language กับเปิดไฟล์ได้ปกติ คิดว่า ไม่เป็นกับ server config ก็เป็นกับ charset ของไฟล์ตอนย้ายระบบ
  • และ remote ผ่าน winscp ไปที่ CentOS ไฟล์ใน folder attachment ที่เป็นภาษาไทย อ่านได้ซะงั้น
  • แต่ตอนที่อยู่บน Debian ไฟล์ที่เป็นภาษาไทยมันจะอ่านไม่รู้เรื่องแบบนี้ถึงจะถูกต้อง
  •  คิดแบบง่ายไม่คิดลึกน่าจะเป็นที่ตอนย้ายไฟล์ เพราะ เราถอด Harddisk จาก Debian (Harddisk ตัวนั้นเราตั้ง format เป็น NTFS หว่า ^^) ไป jump ที่ XP แล้วคัดลอก น่าจะเกิดจากสาเหตุนี้
Solved
  • ให้เอา Harddisk ก้อนนั้นที่ต้องการย้ายข้อมูลไป Jump กับระบบ Linux อื่นๆ แล้วคัดลอก
  • หรือเปิด OS Linux ตัวนั้นให้ได้แล้วย้ายข้อมูลลง External
  • หรือ ใช้ gftp ย้ายข้อมูลจากเครื่องที่มีปัญหาไปยัง Linux Server ปลายทางเลย จึงจะทำให้ charset ของระบบไฟล์ไม่เพี้ยน
  • ส่วนข้าพเจ้าแก้ไขโดยวิธี ใช้ gftp ย้ายข้อมูล โชคดีที่ระบบยังเปิดใช้งานได้จึงย้ายจากเครื่องต้นทางไปที่ปลายทางโดยตรงได้

เกี่ยวกับเรื่อง Charset ของ Apache , httpd บน CentOS


  • พาธไฟล์จะอยู่ที่ /etc/httpd/conf/httpd.conf
  • คือมีปัญหาเรื่อง file ที่เป็นชื่อภาษาไทย เปิดอ่านไม่ได้
  • จึงลองมั่วแก้ ค่า ของ config นี้
  • ค่าเริ่มต้นบนระบบ /etc/httpd/conf/httpd.conf  CentOS เป็น


AddCharset TIS-620 .tis
AddDefaultCharset UTF-8,tis-620

  • แก้ใหม่เป็น

AddCharset TIS-620 .tis
AddDefaultCharset tis-620,UTF-8

  • ทำให้ Home.htm หน้าแรกของเราที่ encode เป็น UTF-8 เราเพี้ยนอ่านไม่ออกเลย
  • ต้องแก้กลับเอา UTF-8 ขึ้นก่อน tis-620 หว่าจึงจะหาย

Thursday, April 18, 2013

How To Set Up Wireless Ad Hoc Internet Connection In Windows 8

  • ประเด็นหลัก ที่สร้างเครือข่าย adhoc ขึ้นมาของผู้เขียนคือ จะแชร์ Internet จาก Notebook ที่ต่อ Internet ด้วยสาย LAN อยู่ ให้กับ smart phone ของผู้เขียน
  • หรืออีกกรณี เราสามารถสร้าง hotpot ของเราโดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ AP ใช้เพียงแค่ Notebook เราเป็น Hotspot
ขั้นตอนการตั้งค่าต่างๆ
  • ขั้นแรกตรวจสอบว่า Notebook เรานั้น Wireless Card มัน support ที่จะทำ adhoc หรือไม่ด้วยคำสั่ง
netsh wlan show drivers
  • ถ้า Wireless Card สนับสนุนการทำ adhoc จะได้ค่า Hosted network supported : Yes 
  • ขั้นที่ 2 กำหนดค่า adhoc ของ notebook เรา ด้วย โครงสร้างคำสั่งนี้
netsh wlan set hostednetwork mode=allow ssid=<enter_network_name_here> key=<enter_password_here>
  • ตัวอย่างการตั้งค่า
netsh wlan set hostednetwork mode=allow ssid=myadhocname key=mypassadhoc
  • ขั้นที่ 3 สั่งให้ adhoc ทำงาน
netsh wlan start hostednetwork
  • ขั้นตอนที่ 4 แชร์  Internet ให้ adhoc เรา (ในกรณี Ethernet เชื่อมต่อ LAN อยู่) ในภาพตัวอย่าง adhoc device จะมีเครื่องหมาย star หรือ ดอกจันทร์ กำกับอยู่ (หรือเลือกชื่อให้ตรงกับ adhoc device ที่เราสร้างนั่นแหละ) เราต้อง แชร์ internet ให้กับ device ตัวนี้ และสุดท้าย อย่าลืมกดปุ่ม OK
  • จะให้ง่ายสำหรับใช้งานก็สร้าง bat file ขึ้นมา การสั่งงานก็ Run as admin ...
netsh wlan stop hostednetwork
netsh wlan set hostednetwork mode=allow ssid=myadhocname key=myadhocpassword
netsh wlan start hostednetwork
  • เมื่อเราปิดและเปิดเครื่องใหม่ เราก็แค่รัน bat file ด้วยสถานะ admin ตัว smart phone เราก็จะใช้ได้โดยที่ notebook เราไม่ต้อง ทำการแชร์ internet ใหม่ให้เสียเวลา 
เพิ่มเติม
  • ในกรณี ที่ทำแล้ว ทำไมมันใช้ไม่ได้ ให้เราเช็ค ip ระหว่าง เครื่องที่ทำ adhoc และเครื่อง client ที่ connect เข้ามา ว่ามัน connect เข้ามาแล้วได้ ip อยู่ใน subnet เดียวกันหรือป่าว คือ บางครั้ง เครื่องที่เราทำ adhoc ไว้รอ แล้ว client เชื่อมต่อเข้ามาไง๋ ได้ ip คนละวงซะงั้น เราก็ต้องไปแก้ ip และ subnet mask ที่ client หรือ ที่ server adhoc ซะ เป็นอันใช้ได้ 
  • การเชื่่อมต่อผ่าน adhoc นั้น client สามารถผ่านระบบ authen ได้เลย เหมาะมากในกรณี เรามี notebook และ mobile phone ใช้ notebook ต่อกับ LAN ที่มีระบบ Authen (notebook authen ให้เรียบร้อย) แล้วใช้ mobile phone เชื่อมต่อผ่าน adhoc ไปยัง notebook อีกที แค่นี้ mobile เราก็ไม่ต้อง authen แล้ว
  • และสุดท้ายการตั้ง key เราต้องใส่ password น่าจะ 8 char ขึ้นไป หรือป่าวไม่แน่ใจ เพราะตั้ง 6 char แล้วตอนรันมัน not start ครับ

Popular Posts